พระบูชา พระพุทธมหาชนก วัดปทุมคงคาราชวรวิหาร หน้าตัก 5 นิ้ว (ปิดทอง) กรุงเทพมหานคร เสริมสิริมงคลชีวิต

TBS234 พระบูชา พระพุทธมหาชนก วัดปทุมคงคาราชวรวิหาร หน้าตัก 5 นิ้ว (ปิดทอง) กรุงเทพมหานคร เสริมสิริมงคลชีวิต
 
ราคา : 15,999 บาท
ซื้อชิ้นนี้ได้รับ= 159 บาท(แต้ม)
ค่าจัดส่งขั้นต่ำ :
 
จำนวนสินค้า : (ระบุจำนวนสินค้าที่สั่งซื้อ)
 
ทีบีเอส 234

0.00

คะแนน

รีวิวร้านค้า:
(ยังไม่มีการรีวิว™)
สอบถาม / สั่งซื้อสินค้า
แจ้งรหัสสินค้า : 5540460
เวลาทำการ จ-ศ 9:00-18.00
รายละเอียดสินค้า


TBS234

พระบูชา พระพุทธมหาชนก

วัดปทุมคงคาราชวรวิหาร

หน้าตัก 5 นิ้ว (ปิดทอง)

กรุงเทพมหานคร เสริมสิริมงคลชีวิต

 

พระประธานประดิษฐานในพระอุโบสถ หน้าตักกว้าง ๒.๒๐  เมตร  ส่วนสูงถึงยอดพระเกตุมาลา   ๓.๐๐  เมตร    ปางมารวิชัย  ในสมัยรัชกาลที่ ๔  พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้โปรดเกล้าฯ ให้กรมขุนราชสีหวิกรม ให้ช่างยกให้สูงขึ้น แล้วทำเป็นพระทรงเครื่องต้นอย่างกษัตริย์ ที่พระนลาฏฝังเพชร  แล้วต่อชุกชีออกมา ทำเป็นรูปเทวราชถือพุ่มฉัตรดอกไม้เงิน  ๒ องค์
ในรัชกาลที่ ๙  พ.ศ. ๒๕๑๔  ทางวัดได้ทำเรื่องขอพระราชทานพระนาม    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงได้ทรงพระราชทานพระนามว่า  พระพุทธมหาชนก

 

          ตำนานพระพุทธรูปปางโปรดพญาชมพูบดี (ปางทรงเครื่อง)

      พระพุทธรูปปางนี้ ของเดิมอยู่ในพระอิริยาบถนั่งขัดสมาธิตามปกติ พระหัตถ์ซ้ายหงายวางบนพระเพลา
พระหัตถ์ขวาคว่ำวางบนพระชานุ แบบมารวิชัย ต่างแต่ทรงเครื่องต้นอย่างพระมหากษัตริย์ไทย เรียกกันว่า
ปางทรงเครื่อง ก็มี พระทรงเครื่องนี้ เข้าใจว่าเดิมคงจะมีแต่ปางเดียวคือปางนี้ ปางอื่นยังไม่เห็นมีที่ใด
ครั้นพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ ทรงสร้างปางห้ามญาติขึ้นไว้ในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม
คนจึงพอใจสร้างตามกันดกดื่น และได้เปลี่ยนสร้างปางอื่นๆ ขึ้นเป็นแบบทรงเครื่องอีกหลายปางด้วยกัน บัดนี้ดูเหมือนจะคลายความนิยมสร้างพระเครื่องลงมากแล้ว
ตำนานพระพุทธรูปปางนี้ มีดังนี้ ในปฐมโพธิกาล มีพระมหากษัตริย์พระองค์หนึ่ง
พระนามว่าพญาชมพูบดี พระมเหสีทรงพระนามว่า พระนางกาญจนาเทวี ครองปัญจาลนคร
พระองค์เป็นกษัตริย์ที่มีบุญญาธิการมาก ด้วยพระองค์ทรงอาวุธวิเศษมีอำนาจเหนือกษัตริย์
น้อยใหญ่ทั้งหลาย ถึง ๓ อย่าง คือ
๑. ศรวิเศษ เรียกว่า “วิษสร”
๒.ฉลองพระบาทแก้ว
๓.จักรแก้ว

       มีกษัตริย์ในนครต่างๆ ยอมถวายดอกไม้เงินดอกไม้ทองเป็นเมืองขึ้นมากมาย ยังไม่มีกษัตริย์พระนครใดใกล้เคียงจะหาญเข้ามาต่อต้านได้ พระองค์ปรารถนาความยิ่งใหญ่โดยไม่ทรงรู้จักพอเช่นเดียวกับสามัญชนทั่วไป เมื่อทรงเห็นกษัตริย์นครใด
มีราชสมบัติมากมีฤทธิ์น้อยกว่าก็ทรงใช้ศรวิเศษไปร้อยพระกรรณเอามาหมอบกราบแทบพระบาท
ให้ยอมเป็นเมืองขึ้นของปัญจาลนคร วันหนึ่ง เป็นวันพระจันทร์เพ็ญ พญาชมพูบดีทรงทอดพระเนตรเห็นดวงจันทร์งามสง่าอยู่ท่ามกลางหมู่ดาวในท้องฟ้า ก็ทรงเทียบพระองค์ว่าพระองค์มีรัศมีล่วงดาวทั้งหลายฉะนั้น ทรงเบิกบานพระทัยด้วยความหวังแน่ใน
พระทัยเป็นที่ยิ่งนัก จึงทรงฉลองคู่พระบาทแก้วเหาะไปในอากาศ ทอดพระเนตรดูหัวเมืองทั้งหลายในชมพูทวีป ครั้นเสด็จมาถึงพระนครราชคฤห์ ทรงเห็นยอดปราสาทสูงสล้างงามยิ่งนัก ก็ทรงจินตนาการว่า ปราสาทของใครหนอช่างงามยิ่งกว่าปราสาทของเรา ก็ทรงรู้สึกไม่พอพระราชหฤทัยด้วยความริษยา จึงได้เสด็จลงมายกพระบาทขึ้นกระทืบเพื่อจะให้ยอดปราสาทหักทลายลงแต่ด้วยพุ ทธานุภาพทรงรักษาคุ้มครอง ในฐานะที่พระเจ้าพิมพิสารเป็นอริยสาวกขั้นโสดาบันผู้ซึ่งมีพระราชศรัทธา
ไม่หวั่นไหวสั่นคลอนในพระรัตนตรัย ยอดปราสาทของพระองค์จึงไม่กระทบกระเทือน ดูประหนึ่งว่าเป็นเหล็กกล้า สามารถต่อต้านการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงได้ทุกประการ พญาชมพูบดีทรงกระทืบเท่าใดๆ ยอดปราสาทก็
็มิได้ระคายเคืองแต่ประการใดเลย และขณะเดียวกันนั้น พระบาทของพญาชมพูบดีกลับแตก พระโลหิตไหลออก
โทรมพระบาท พญาชมพูบดีเจ็บพระบาทยิ่งทรงพิโรธหนักขึ้น ทรงชักพระแสงขรรค์ออกฟันจนสุดกำลัง ยอดปราสาทก็หาได้หักพังลงไมแต่พระแสงขรรค์กลับบิดงอบิดเบี้ยว พญาชมพูบดีทรงขัดพระทัยและเสียขวัญ
อย่างหนัก เพราะไม่เคยพบการผิดหวังเช่นนี้มาก่อน ทั้งทรงพิโรธหนักขึ้นเป็นร้อยเท่าพันทวี
รีบเสด็จกลับปัญจาลนครโดยทรงพระดำริจะใช้วิษสรมาร้อยพระกรรณเจ้าของปราสาทนี้ไป
หมอบกราบแทบพระบาทของพระองค์ครั้นเสด็จถึงพระนครแล้วก็ทรงใช้วิษสรให้ไปเอากษัตริย์ผู้ครอบครอง
นครราชคฤห์มาโดยเร็ว วิษสรจากแล่งแล่นไปในอากาศโดยเร็ว ส่งเสียงร้องกัมปนาทเป็นที่หวั่นหวาดของคนและ
สัตว์ที่ได้สดับทั่วกัน
         พระเจ้าพิมพิสารพอได้ทรงสดับก็ทรงสะดุ้งพระทัยรีบเสด็จออกจากปราสาทไปเฝ้าพระบรมศาสดา
ที่พระเวฬุวันวิหารแต่เช้าตรู่เพื่อขอประทานความคุ้มครองเมื่อวิษสรมาถึงปราสาทก็เข้าค้นหาพระเจ้าพิมพิสาร
เป็นการใหญ่ ครั้นไม่พบก็ทำลายภูฉัตรกระจัดกระจายแล้วก็ติดตามออกไปยังพระเวฬุวันวิหารแผดเสียง
สะเทือนสะท้านน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง ครั้นพระบรมศาสดาเห็นวิษสรเข้ามารุกรานเช่นนั้น ก็ทรงเนรมิตพุทธจักรส่งออกไปขับไล
่ทำลายวิษสรนั้น พุทธจักรมีอานุภาพมากกว่า แล่นออกไปไล่ทำลายวิษสรให้สิ้นฤทธิ์แล้วกลับคืนไป
เมื่อวิษสรพ่ายแพ้แล้ว ก็รีบหนีคืนเข้าแล่งศรแห่งพญาชมพูบดี
       ครั้นพญาชมพูบดีทรงเห็นวิษสรพ่ายแพ้ยับเยินกลับมาเช่นนั้น ก็ทรงโทมนัสหนักหนา ถอดฉลองพระบาทแก้วออกทั้งคู่ แล้วสั่งให้ออกไปมัดพระเจ้าพิมพิสารเอาตัวมาทันที ฉลองพระบาทแก้วคู่ได้กลายเป็นพญาวาสุกรีแผ่พังพานเลื้อยแล่น
ไปโดยนภากาศ ร้องส่งเสียงคำรามสนั่นหวั่นไหวดั่งฟ้าร้อง ครั้นถึงเมืองราชคฤห์แล้วก็ตรงเข้าหาพระเจ้าพิมพิสาร
เมื่อไม่พบก็เข้าทำลายราชบัลลังก์เสียย่อยยับ แล้วก็แล่นออกไปทางพระเวฬุวันมหาวิหาร

        พระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้นทรงเห็นนาคราชของพญาชมพูบดีติดตามรุกรานมาถึงมหาวิหารเช่นนั้น ก็ทรงเนรมิตพญาครุฑให้โบยบินออกไปขับไล่โจมตีพญาวาสุกรีคู่นั้นให้พ่าย ยับเยินหนีกลับไปเช่นคราวก่อน ครั้นนาคราชคู่นั้นหลบหนีกลับไปแล้วพระพุทธองค์ก็ทรงพิจารณาอุปนิสัยของพญา ชมพูบดีก็ทรงเห็นว่าท้าวเธอ
มีอุปนิสัยสูงส่งควรจะบรรลุอริยผลขั้นสูงได้จึงตรัสเรียกท้าวสักกเทวราชให้มาเฝ้าแล้วทรงแจ้งให้ทราบ
พระประสงค์จะทรมานพญาชมพูบดีผู้มีพระทัยหลงใหลใฝ่ฝันในราชสมบัติทั่วทั้ง ทวีปนั้น โดยพระพุทธองค์จะทรงเนรมิตพระองค์เป็นพระเจ้าราชาธิราช ให้พระสงฆ์เป็นเสวกามาตย์ราชบริพาร ให้พระเวฬุวันมหาวิหารกลายเป็นพระราชนิเวศสถานที่งดงามไม่มีสถานที่ใดจะ เปรียบปานได้ ขอให้ท้าวสักกเทวราชเป็นราชทูตไปเอาตัวพญาชมพูบดีมาเข้าเฝ้ายังพระเวฬุวัน มหาวิหารแห่งนี้
ครั้นท้าวสักกเทวราชทราบพระพุทธประสงค์ดังนั้นแล้ว ก็จำแลงเพศเป็นราชทูตที่สง่างามด้วยอาภรณ์วิจิตร ซึ่งล้วนแล้วแต่สูงด้วยค่ามากยิ่งกว่าเครื่องอาภรณ์ใดๆ ของพญาชมพูบดี แล้วเสด็จเข้าไปยืนปรากฏพระกายที่ปราสาทหน้า
พระพักตร์พญาชมพูบดี ในท่ามกลางอำมาตย์ราชบริพารที่เฝ้าแหนกันอยู่นั้น แล้วทรงเปล่งสุรเสียงว่า

“ดูก่อนพญาชมพูบดีบัดนี้พระเจ้าราชาธิราช เจ้านายของข้าพเจ้า มีพระบัญชาให้มาเชิญตัวท่านไปเข้าเฝ้าในบัดนี้”

เมื่อเห็นราชทูตเจรจากับพระองค์ด้วยวาจาไม่เคารพนอบน้อมเช่นนั้น พญาชมพูบดีก็ทรงพิโรธนักหนา
ก็ร้องตวาดแล้วขว้างจักรแก้วไป หมายให้ประหารชีวิตราชทูตจำแลงนั้นในบัดดล เมื่อท้าวสักกเทวราชเห็นเช่นนั้น ก็ทรงขว้างจักรของพระองค์ออกไปต่อกรกำจัดจักรแก้วนั้น อินทร์จักรได้แล่นออกไปทำลายจักรแก้วนั้นให้พ่ายแพ้โดยครู่เดียวเท่านั้นและ กระชากพระบาท
ของพญาชมพูบดีให้ตกจากพระแท่นประทับและลากไปตามพื้นถึง ๑๒ วา ทั้งกลับกลายเป็นเปลวไฟเผาปราสาทราชวังลุกลามไปทั่วพระราชนิเวศน์ทันที
บรรดาเสวกามาตย์ราชบริพารพากันตกตะลึง ด้วยกลัวต่อไฟ พากันวิ่งวุ่นกระจัดกระจายกันออกจาก
ท้องพระโรงทันที แม้พญาชมพูบดีก็ยอมพ่ายแพ้แก่ราชทูตจำแลงนั้น แล้วรับจะทำตามบัญชาทุกประการ

       ต่อนั้น องค์อินทร์ก็เรียกจักรของพระองค์กลับคืน ทันใดนั้น เปลวไฟที่กำลังลุกลามไหม้ไปทั่วนั้นก็ดับมอดลง
ทันที ไม่ปรากฏมีสิ่งใดเสียหายดังเมื่อครู่ก่อนนี้เลย ทุกสิ่งทุกอย่างคงตั้งอยู่ตามเดิม
พญาชมพูบดีขอผัดเวลาออกไป ๑ เดือนก่อนจึงจะไป แต่ท้าวสักกเทวราชในเพศ
แห่งราชทูตไม่ยินยอม เพียงแต่ผ่อนให้ ๓ ราตรีเท่านั้น และก่อนที่จะเสด็จกลับไปก็ทรงสำทับว่า ถ้าแม้นพญาชมพูบดีทรงบิดพลิ้วไม่ไปตามกำหนด ๓ ราตรีนั้น ให้ทรงมาตามซ้ำสองไซร้ ก็จะทรงเผาเมืองเสีย
ให้ราบเป็นหน้ากลอง แล้วกลับไปเฝ้ากราบทูลแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าให้ทรงทราบ
ก่อนถึงวันกำหนด พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเนรมิตพระเวฬุวันมหาวิหารให้เป็นราชนิเวศน์ พร้อมด้วยปราสาทราชวังกำแพงแก้ว ๗ ชั้น วิจิตรพิสดารเพียบพร้อมด้วยตลาดบก ตลาดน้ำ งดงามไม่มีนครใดในโลกหล้าเทียบเทียมได้เพื่อต้อนรับอวดศักดาแก่พญาชมพูบดี ผู้มีมานะ
ในราชสมบัติตนกับทรงให้พระอัครสาวกและพระมหาสาวกนิรมิตกายเป็นเสนาบดีผู้ใหญ่เข้าเฝ้าประจำอยู่ใน
ตำแหน่งให้พญากาฬนาคราชและนางวิมาลามเหสีมาจัดตลาดน้ำให้ท้าวสักกเทวราช พร้องด้วยนางสุธรรมา นางสุจิตรา และนางสุชาดา และพญาครุฑมาจัดตลาดเพชรนิลจินดาตลาดทอง ตลาดเงินตลาดผ้าสรรพาภรณ์ ตลาดอาหาร ตลาดลูกไม้ ตลาดไม้ดอกนานาพรรณ งดงามเป็นระเบียบเรียบร้อย เป็นที่เจริญตาเจริญใจสของผู้ได้พบเห็น หาสถานที่ใดงดงามเสมอเหมือนมิได้

        ครั้นถึงวันกำหนดหมาย พญาชมพูบดีเสด็จขึ้นช้างพระที่นั่งพร้อมด้วยจตุรงคเสนา ยกพลมาโดยลำดับ
ทั้งตั้งพระทัยว่า ถ้าเห็นว่ามีกำลังมากกว่าพอที่จะบังคับข่มขู่พระเจ้าราชาธิราชนั้นได้ ก็จะจัดการเอาเป็นเมืองขึ้นทันทีด้วยเช่นกัน ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงนิรมิตพระวรกายเป็นพระเจ้าราชาธิราช ทรงเครื่องต้นสำหรับพระมหากษัตริย์จักรพรรดิอันวิจิตรยิ่งนัก ทรงขึ้นประทับบนรัตนบัลลังก์ ในท่ามกลางมหาอำมาตย์ราชเสนาน้อยใหญ่ ณ ท้องพระโรงรัตนมหาสมาคม มีพระบัญชาให้มาฆสามเณรไปย่นทางเดินอันมีระยะถึง ๖๐โยชน์ที่พญาชมพูบดีกำลังเสด็จมาให้สั้นลงเพื่อจะได้พลันถึงในครู่เดี๋ยว นั้น
มาฆสามเณรรับพระบัญชานั้นแล้ว ก็ออกไปนอกวิหาร ย่นระยะทางมาของพญาชมพูบดีพร้อมด้วยจตุรงคเสนา
เพื่อให้ถึงชานพระนครที่เนรมิตขึ้นไว้ต้อนรับนั้น ครั้นแล้วก็แปลงเพศเป็นราชทูตเข้าไปหาพญาชมพูบดีร้องเชิญว่า

“บัดนี้พระองค์เสด็จมาถึงพระนครแล้ว ควรจะเสด็จลงจากคอช้างพระที่นั่ง แล้วเสด็จดำเนินพระบาทเข้าสู่พระนคร”

   เมื่อพญาชมพูบดีทรงขัดเคืองและขัดขืน มาฆสามเณรในเพศแห่งราชทูตก็แสดงอานุภาพฉุดช้างพระที่นั่งให้ล้มลง พญาชมพูบดีทรงเห็นดังนั้นก็เกรงเดชานุภาพ ก็จำใจปฏิบัติตามโดยเสด็จดำเนินตามมาฆสามเณรเข้าพระนครไป
ขณะที่เสด็จเข้าพระนคร พอทอดพระเนตรเห็นท้าวจตุโลกบาลคุมทหารพร้อมด้วยศาตราวุธรักษาพระนคร
ก็ทรงเกรงขามครั่นคร้าม ครั้นเสด็จดำเนินต่อไป ก็ทรงเห็นตลาดต่างๆ ทั้งหลายเข้า ก็ถึงกับทรงตะลึงแลด้วยความแปลกพระราชหฤทัยระคนด้วยทรงพอพระทัยยิ่งนัก เห็นแม่ค้าทั้งหลายอัน
มีรูปร่างงามโฉมสะคราญไม่มีที่เปรียบ ทั้งวาจาปราศรัยเชิญชวนก็ไพเราะเสนาะโสตจับพระทัยเหลือประมาณ ทำให้ท้าวเธอหลงเพลิดเพลินจนมาฆสามเณรต้องคอยเตือนให้รีบเสด็จไปทุกระยะที เดียว กระทั่งถึงที่ประทับของพระพุทธองค์ที่ทรงนิรมิตพระรูปโฉมดุจท้าวมหาพรหม
ประกอบด้วยพระรัศมี ๖ ประการ

      ประทับนั่งบนรัตนบัลลังก์ ท่ามกลางมุขอำมาตย์ราชเสนาบดี ก็ทรงเกรงกลัวแทบพระทัยจะดีดดิ้นหลุด
ออกจากทรวง ทรงทรุดพระวรกายนั่งลง แม้อย่างนั้น ก็ไม่ยอมถวายบังคม ด้วยอำนาจมานะทิฏฐิแรงกล้า เมื่อพระบรมศาสดาทรงให้โอกาสท้าวเธอแสดงฤทธิเดชบรรดามี พญาชมพูบดีก็แสดงจักรแก้ว วิษสร และฉลองพระบาทแก้วอันเป็นอาวุธอานุภาพสูงประจำพระองค์แล้ว อาวุธต่างๆ นั้นก็หาทำอันตรายใดๆ แก่พระพุทธองค์ได้ไม่กลับพังสลายในทันทีจนเป็นเหตุให้พญาชมพูบดีท้อพระทัย และยอมเกรงพระบาร
มีจนหมดสิ้นท่า ต่อนั้นพระพุทธองค์ก็ตรัสธรรมเทศนาชำระอกุศลจิตของพญาชมพูบดีให้ผ่องใส ด้วยอนุปุพพีกถาให้พญาชมพูบดีมีจิตศรัทธาในกุศลธรรม ถึงกับทรงมอบกายถวายชีวิตตนในพระรัตนตรัย ขอบรรพชาอุปสมบท จึงสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า

      ผู้สุคตอนาวรญาณ ก็ทรงคลายอิทธาภิสังขาร บันดาลพระนครนิรมิตให้กลับคืนเป็นดังเดิม
พระองค์ก็ทรงกลายเพศเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เหล่าบรรดาอำมาตย์ราชบริพารก็กลับกลายเป็นพระภิกษุสงฆ์อัครสาวกและมหาสาวก ตามปกติแวดล้อม
พระบรมศาสดา
เหล่าเทพเจ้าชั้นฟ้า ชั้นพสุธา และชั้นดินดาลใต้พิภพก็พากันกลับคืนสถิตยังสถานที่อยู่ของตนๆ ต่อนั้นพระบรมศาสดาก็ทรงประทานเอหิภิกขุอุปสัมปทาแก่พญาชมพูบดีให้เป็นภิกษุ สงฆ์
ทรงจตุปาริสุทธิศีลในบวรพุทธศาสนา.
จบตำนานพระพุทธรูปปางโปรดพญาชมพูบดี

 
บัตรเครดิต / บัตรเดบิต


เพย์สบาย / เพย์พาว / เอ็มเปย์


TBS234 จัดส่งสินค้าโดย ระบบไปรษณีย์  EMS จัดส่งวันละ 2 รอบ

ตรวจสอบยอดเงินได้ก่อน 18.00 น.
** เราจะจัดส่งสินค้า ไปรษณีย์ลงทะเบียน
 กรุณารอรับสินค้าประมาณ  3-5 วันทำการ  

ไม่นับเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดราชการ 


รายละเอียดร้านค้า

 

 

 

TBS 234  

 ร้านค้าของเราจัดจำหน่าย

ให้เช่าบูชา พระพุทธรูป พระบูชา หลวงพ่อโสธร หลวงพ่อโต พระพุทธชินราช พระแก้วมรกต

พระเกจิอาจารย์ รูปหล่อเหมือนพระเกจิ สมเด็จพระพุฒาจารย์ ( โต พฺรหฺมรํสี ) หลวงพ่อทวด

พระเครื่อง วัตถุมงคล ของสะสม รูปหล่อพระเกจิ พระโพธิ์สัตว์เจ้าแม่กวนอิม

เทพเจ้าตั่วเล่าเอี๊ยกง เทพเจ้ากวนอู

เทพเจ้าไฉ่ซิ้งเอี๊ย ( เทพเจ้าโชคลาภ ) 

สัตว์เทพมงคลสวรรค์บันดาลโชค ปี่เซี๊ยะ ( ผี่ชิว )

เจี่ยบ๊วย ( เต่ามังกร ) เซียมซู มังกรทอง หงษ์ฟ้า

และ วัตถุมงคล เมตตาประทานพร เสริมศิริมงคล

ประสบความสำเร็จบังเกิดความเจริญรุ่งเรืองในชีวิต

พระพิฆเณศ และ เครื่องหอม กำยานหอม

รับปรึกษา รับดูฮวงจุ้ย เสริมดวง 

เพื่อความเจริญรุ่งเรือง มั่นคง มั่งคั่ง ร่ำรวย

สนใจติดต่อสอบถาม tbs234_bkk@yahoo.com

 

 
 
รีวิวร้าน
คะแนนเฉลี่ย :
 ยังไม่มีการรีวิว™
               
 
สินค้าอื่นๆของร้านนี้