พระบูชา พระพุทธมหานุนินทชินสีห์ หน้าตัก 5 นิ้ว วัดทรงธรรมวรวิหาร อำเภอ พระประแดง จังหวัด สมุทรปราการ

TBS234

 

พระบูชา พระพุทธมหานุนินทชินสีห์

 

หน้าตัก 5 นิ้ว (เนื้อทองเหลืองปิดทอง)

 

ฉลองวัดทรงธรรมวรวิหาร ครบ 200 ปี

 

จัดสร้าง 200 องค์

 

วัดทรงธรรมวรวิหาร อำเภอ พระประแดง

 

จังหวัด สมุทรปราการ มิ่งมงคลชีวิต

 

 

วันที่ 25 กันยายน 2558  เวลา 16.19 น. พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จไปยังวัดทรงธรรมวรวิหาร อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ทรงยกฉัตรขึ้นประดิษฐานเหนือพระประธานประจำพระอุโบสถ และทรงหล่อพระพุทธมหามุนินทชินสีห์จำลอง เนื่องในโอกาสครบ 200 ปี แห่งการสถาปนาวัด ซึ่งพระสิทธิพัฒนาทร เจ้าอาวาส จัดสร้างขึ้น ขนาดหน้าตักกว้าง 32 นิ้ว เพื่อประดิษฐานไว้ในศาลาการเปรียญ ให้ประชาชนสักการะบูชา และเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ

วัดทรงธรรมวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ซึ่งพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สร้างขึ้นพร้อมกับเมืองนครเขื่อนขันธ์ และพระราชทานนาม "วัดทรงธรรม"  ต่อมา พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินมาทอดผ้าพระกฐิน และทอดพระเนตรวัด มีความทรุดโทรม จึงมีพระราชกระแสรับสั่งให้บูรณะปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ สมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้อัญเชิญพระพุทธรูปปางมารวิชัย มาประดิษฐานเป็นพระประธานประจำพระอุโบสถ และให้สร้างฉัตรคันดาล 5 ชั้น กางกั้นเหนือพระประธาน โดยในปี 2554 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานนามพระประธานว่า "พระพุทธมหานุนินทชินสีห์" ปัจจุบัน มีพระภิกษุสงฆ์ และสามเณร จำพรรษา รวม 39 รูป โดยพระสิทธิพัฒนาทร เจ้าอาวาส ได้พัฒนาและบูรณะปฏิสังขรณ์ถาวรวัตถุภายในวัดตลอดมา

 

 

วัดทรงธรรมวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นโท และเป็นวัดเก่าแก่ ในพุทธศาสนานิกายรามัญ สร้างขึ้นพร้อมกับเมืองนครเขื่อนขันธ์ ในรัชกาล พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 โดยทรงโปรดเกล้าให้กรมพระราชวังบวรสถานมงคล

ประวัติวัดทรงธรรมวรวิหาร

























วัดทรงธรรมวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นโท และเป็นวัดเก่าแก่ ในพุทธศาสนานิกายรามัญ สร้างขึ้นพร้อมกับเมืองนครเขื่อนขันธ์ ในรัชกาล พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 โดยทรงโปรดเกล้าให้กรมพระราชวังบวรสถานมงคล หรือวังหน้า เป็นแม่กองในการก่อสร้าง ราวปี พ.ศ. 2358 เพื่อเป็นศิริมงคลแก่บ้านเมืองตามโบราณราชประเพณี โดยอยู่ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณโรงเรียนอำนวยวิทย์ในปัจจุบัน ซึ่งต่อมาเมื่อมีการบูรณะปฏิสังขรค่ายคูประตูเมือง ซึ่งได้มีการสร้างป้อมเพชรหึง ซึ่งปัจจุบันคือบริเวณหน้าบ้านแซ่ โรงเรียนอำนวยวิทย์ และสถานสังเคราะห์คนทุพพลภาพ เมื่อสร้างเสร็จจึงได้โปรดเกล้าให้รื้อวัดทรงธรรมที่สร้างไว้เดิม ไปปลูกสร้างไว้ภายในป้อม และได้ทำการก่อสร้างถาวรวัตถุต่าง ๆ เพิ่มเติม
สภาพปัจจุบันของวัดทรงธรรมวรวิหาร มีอาณาเขตค่อนข้างกว้างขวาง เนื่องจากในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงโปรดเกล้าให้ยุบวัดกลางนา ซึ่งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงรวมเข้ากับวัดทรงธรรม


คำ ว่าทรงธรรม ในอดีตนั้นชาวรามัญจะออก เสียงและสำเนียงกันลำบาก ผู้เฒ่า (ชาวมอญ) จึงเรียกวัดนี้ว่า “แผ่เมิกแซม” แปลว่า “วัดหน้าโบสถ์” ก็มีบางกลุ่มเรียกว่า “แผ่พระครู” หมายถึง “วัดพระครู” (เจ้าอาวาสรูปแรกเป็นพระครู) ต่อมาชนรุ่นหลังพูดภาษา ไทยชัดแล้วจึงเรียก “วัดทรงธรรมฯ” เพียงชื่อเดียววัดทรงธรรมฯ