พระพุทโธรักษา รุ่นกำเนิดพุทธะ (ตะกรุดเงิน), พระอาจารย์โอ พุทโธรักษา, พุทธสถานวิหารพระธรรมราช, จ.เพช

พระพุทโธรักษาแด่ผู้ที่รักษาพระพุทโธ
 
ราคา : 1,900 บาท
ซื้อชิ้นนี้ได้รับ= 19 บาท(แต้ม)
ค่าจัดส่งขั้นต่ำ :
 
จำนวนสินค้า : (ระบุจำนวนสินค้าที่สั่งซื้อ)
 
ศูนย์พระเครื่องบารมีพ่อแก่ ( Baramee-pokae Thailand Amulets shop )

0.00

คะแนน

รีวิวร้านค้า:
(ยังไม่มีการรีวิว™)
รายละเอียดสินค้า




ปฐมเหตุแห่งการจัดสร้างพระพุทโธรักษา

รุ่น "สมเด็จพุทธปฐมองค์บรมพระพุทโธรักษา ธรรมราชศรีหล่มสัก อภิรักษ์พุทธสถานวิหารพระธรรมราช ขุนแผนอุทิศประดิษฐ์ อัคระมหาสังฆาจารย์ เทพวิญญาณ เอกองค์ปัตติยายเจ้า เสนาสนะปฏิบัติบูชา อานาปาณสติภาวนามัย สัทธรรมปรมัตถ์ ฉัพพรรณบรรลุ" หรือเรียกสั้นๆว่า รุ่น "กำเนิดพุทธะ"

จากรุ่นแรกปี 47 บัดนี้ได้ถูกรื้อฟื้นตำนานขึ้นมาอีกครั้ง เนื่องจากขณะที่พระอาจารย์โอกำลังหาเครื่องธุดงค์อยู่ได้พบแม่พิมพ์พระพุทโธรักษานี้ จึงเป็นนิมิตหมายอันดีเสมือนองค์พระท่านดลใจให้ได้เจอ



พิมพ์มาตรฐาน



พิมพ์ใหญ่พิเศษ



ศิษย์พระอาจารย์โอ พุทโธรักษา

ต้องมี "พระพุทโธรักษา"

พิธีกรรมและมวลสารสุดๆจริงๆสำหรับรุ่นนี้

"พระพุทโธรักษาแด่ผู้ที่รักษาพระพุทโธ"

พระพุทโธรักษา

รุ่น "สมเด็จพุทธปฐมองค์บรมพระพุทโธรักษา ธรรมราชศรีหล่มสัก อภิรักษ์พุทธสถานวิหารพระธรรมราช ขุนแผนอุทิศประดิษฐ์ อัคระมหาสังฆาจารย์ เทพวิญญาณ เอกองค์ปัตติยายเจ้า เสนาสนะปฏิบัติบูชา อานาปาณสติภาวนามัย สัทธรรมปรมัตถ์ ฉัพพรรณบรรลุ" หรือเรียกสั้นๆว่า รุ่น "กำเนิดพุทธะ"

จากรุ่นแรกปี 47 บัดนี้ได้ถูกรื้อฟื้นตำนานขึ้นมาอีกครั้ง เนื่องจากขณะที่พระอาจารย์โอกำลังหาเครื่องธุดงค์อยู่ได้พบแม่พิมพ์พระพุทโธรักษานี้ จึงเป็นนิมิตหมายอันดีเสมือนองค์พระท่านดลใจให้ได้เจอ

สร้างจากมวลสารศักดิ์สิทธิ์พิเศษที่สุด กดพิมพ์ตามฤกษ์มงคลในวันวิสาขบูชา หรือ วันเพ็ญเดือน 6 ซึ่งเป็นวันที่สำคัญที่สุดในพระพุทธศาสนาเพราะเป็นวันคล้ายวันที่เกิดเหตุการณ์สำคัญของพระพุทธศาสนามากถึง 3 เหตุการณ์ คือ เป็นวันคล้ายวันประสูติ, ตรัสรู้ และปรินิพพาน ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดังนั้นจึงมีคำเรียกวันนี้อีกอย่างหนึ่งว่า "วันพระพุทธเจ้า"



1.เพิ่มตะกรุดกำเนิด3 (กำเนิดมนุษย์, กำเนิดเทวดา, กำเนิดอรหันต์) เนื้อทองคำ และพระนาคปรกใบกระถิน เนื้อนาคาสำเร็จ พิมพ์เล็ก

-สร้าง 39 องค์

-บูชา 12,000 บาท



2.เพิ่มตะกรุดกำเนิด3 (กำเนิดมนุษย์, กำเนิดเทวดา, กำเนิดอรหันต์) เนื้อเงิน และพระนาคปรกใบกระถิน เนื้อปรอทกินทอง พิมพ์เล็ก

-สร้าง 119 องค์

-บูชา 1,900 บาท



3.เพิ่มพระนาคปรกใบกระถิน เนื้อนาคาสำเร็จ พิมพ์ใหญ่

-สร้าง 300 องค์

-บูชา 500 บาท



"ขอให้พระพุทโธรักษาแด่ผู้ที่รักษาพระพุทโธ"

คำว่า “พุทโธรักษา” เป็นฉายาที่เหล่าลูกศิษย์ต่างขนานนามให้พระอาจารย์โอ เพราะพระอาจารย์โอมักจะให้พรกับลูกศิษย์ที่ไปหาว่า “พุทโธรักษา” อยู่เสมอๆ เป็นคำพูดที่เหมือนจะธรรมดาที่พระอาจารย์พูดจนชินชา แต่แท้จริงแล้วคำว่า“พุทโธรักษา” นั้นมีนัยยะอันลึกซึ่งแอบแฝงอยู่ดังนี้

"พุทโธรักษา" เป็นคำบริกรรมองค์ภาวนาของพระอาจารย์โอ "พุทโธ" หมายถึงหายใจเข้าว่า "พุท" หายใจออกว่า "โธ" โดยมีนัยยะว่า "พุท" แปลว่าตื่น "โธ" แปลว่าเบิกบาน เมื่อหายใจเข้าว่า "พุท" ก็ให้ตื่นตัวระลึกรู้อยู่เสมอว่าทำอะไรเพื่ออะไร เมื่อหายใจออกว่า "โธ" ก็ให้มีความเบิกบานให้มีสติสัมปชัญญะแจ่มแจ้ง รวมกันเป็น “พุทโธ” แปลว่าผู้ตื่นผู้รู้ผู้เบิกบาน

เมื่อพระอาจารย์โอให้พรกับลูกศิษย์ว่า “พุทโธรักษา” จึงมีความหมายว่า ให้พระผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบานรักษาตัวคนๆนั้น เพราะเมื่อคนมีความระลึกรู้ มีความตื่น มีความเบิกบาน การจะทำกิจใดงานใดก็จักประสบความเจริญรุ่งเรืองและดีงามทั้งในเบื้องตน ท่ามกลางและที่สุด

ครั้งหนึ่งสมัยที่พระอาจารย์ยังเดินธุดงค์อยู่ เมื่อพระอาจารย์ได้ปักกรดอยู่ที่ถ้ำเขาจันทร์ พระอาจารย์ได้พบเจอกับสิ่งลี้ลับเหนือธรรมชาติมากมาย แม้นว่าสรรพวิชาคาถาอาคมพุทธคุณและพระปริตรต่างๆที่พระอาจารย์ได้ร่ำเรียนปฏิบัติมานั้น จะนำมาสวดสาธยายเท่าใดก็ตาม ก็ไม่สามารถลดลาวาศอกอาเพศและอาถรรพ์ต่างๆที่เกิดขึ้นได้ จนเวลาล่วงเลยผ่านไปเป็นเวลานานแค่ไหนไม่ทราบได้ พระอาจารย์โอได้ต่อสู่กับอาถรรพ์ต่างๆจนกระทั่งรู้สึกราวกับว่าจะหมดลมหายใจก็ไม่ปาน พระอาจารย์โอจึงกล่าวในใจว่าถ้าจะถึงคราวตายจริงๆก็ขอน้อมนำยึดถือเอาพระพุทโธเป็นที่พึ่งสุดท้ายว่า “ขอให้พระพุทโธรักษาตัว รักษาจิต รักษาสติสัมปชัญญะ อย่าให้ได้หลงสติ ถ้าจะขาดใจตายสิ้นไป ก็ขอให้มีสติในพระพุทโธตราบจนกระทั่งลมหายใจสุดท้าย” พอพระอาจารย์โอเปล่งวาจาว่า “พุทโธรักษา” เท่านั้นอาเพศต่างๆที่เกิดขึ้นก็ได้หยุดสงบลง คำว่า ”พุทโธรักษา” นี้จึงเป็นคำที่ศักดิ์สิทธิ์มาก ด้วยเหตุนี้เองหลังจากเหตุการณ์นั้นผ่านมาพระอาจารย์จึงมักนำคำว่า“พุทโธรักษา” มาพูดบริกรรมท่องอยุ่เนืองๆจนติดติดปากติดนิสัย และให้พรลูกศิษย์ว่า “พุทโธรักษา” เสมอมา

นอกจากนี้ทุกๆครั้งที่พระอาจารย์โอได้ไหว้พระสวดมนต์ พระอาจารย์โอจะแผ่เมตตาก่อนจบบทสวดไปสู่สรรพสัตว์ทั้งหลายโดยพระอาจารย์โอจะอธิษฐานว่า “ขอพระพุทโธรักษา ผู้ที่รักษาพระพุทโธ” ซึ่งมีนัยยะว่า ขออำนาจบารมีแห่งพระพุทโธรักษา ผู้ที่รักษาสติ รักษาผู้ที่มีความตื่น มีความเบิกบาน ให้อยู่เย็นเป็นสุขนั่นเอง



พระอาจารย์โอได้จรดพู่กันจุลเจิม "ผงเบญจวิเศษ" ลงบนองค์พระพุทโธรักษา รุ่น "กำเนิดพุทธะ" ทุกองค์ เพื่อความเป็นสิริมงคลดั่งพระพุทธเจ้าทั้ง5พระองค์ได้ทรงเป็นสักขีพยานแห่งการสร้างรูปเคารพขององค์ปฐมต้นกำเนิดแห่งพุทธะในครั้งนี้

ผงเบญจวิเศษ

-เป็นผงยันต์ทั้ง 5 อย่างได้แก่ ผงปถมัง, ผงอิธิเจ, ผงตรีสิงเห, ผงมหาลาภและผงพุทธคุณ

1. ผงปถมัง เป็นผงที่ว่าด้วยการเกิดทั้งมวล ว่าด้วยการเกิดแห่งของสรรพสิ่งและสรรพสัตว์ โดยบทเริ่มต้นจะขึ้นว่า "ปถมัง พิณธุกัง ชาตัง" อันหมายความว่า "จุดเล็กๆนี้คือพิณธุ อันเป็นปฐมแห่งการกำเนิดทุกสิ่ง กำเนิดชีวิต กำเนิดสิ่งดีงามสิ่งมงคลทั้งหลาย"

2. ผงมหาราช เป็นผงที่ว่าด้วยการกำเนิดแห่งมหาราช มหาราชาแห่งธรรมทั้งมวล ว่าด้วยโลกียธรรมและโลกุตตรธรรม เปนองค์แห่งความเป็นไปแห่งความเจริญรุ่งเรืองแต่ฝ่ายเดียว

3. ผงอิธิเจ เป็นผงที่ว่าด้วยการกำเนิดจากมูลกัจจายนะ แห่งการสนธิมูล เป็นบาลีไวยกรณ์ที่ใช้เล่าเรียนกันในหมู่คณะสงฆ์ยุคโบราณ ซึ่งเป็นการถอดเอาข้ออรรถข้อธรรมและหัวใจในคำภีร์ออกมาได้อย่างวิจิตรพิสดารจนมีอาณุภาพในทางเสน่ห์เมตตาอย่างรุนแรง ดึงดูดจิตใจผู้คนสิ่งของหรือแม้แต่สัตว์ ทำให้เกิดความพึงพอใจแก่ผู้ที่พบเห็น

4. ผงตรีนิสิงเห เป็นผงที่ว่าด้วยการกำเนิดแห่งทวยเทพทั้งสิบหกชั้นฟ้าสิบห้าชั้นดินยี่สิบสี่บาดาลตลอดจนถึงการกำเนิดแห่งองค์พุทธะ ซึ่งในการประกอบพิธีมงคลต่างๆ จะขาดองค์ตรีนิสิงเหนี้มิได้เลย

5. ผงพุทธคุณ เป็นผงที่เกิดจากการเดินกลบทตามสนธิ์สร้อยสูตรตามคำภีร์รัตนมาลา ทำให้บังเกิดคุณแห่งพุทธานุภาพ ธัมมานุภาพ และสังฆาานุภาพอย่างเอกอุ

เมื่อได้ผงทั้ง5ครบถ้วนบริบูรณ์แล้วจะมีการรวมผงทั้ง5นั้นเข้าด้วยกัน เปรียบดั่งพระพุทธเจ้า5พระองค์รวมมาสู่พระอรรถธรรมเป็นหนึ่งเดียว รวมเป็นพระสัทธรรมอันเป็นสิ่งที่บริสุทธิ์อย่างแท้จริง



















ผงกำเนิดพุทธะ

‼อภิมหามวลสารที่แพงที่สุดและขลังที่สุด‼

เนื่องในคืนวันที่ 31 เดือนธันวาคม พ.ศ.2559 ที่ผ่านมา เมื่อเวลาล่วงพ้นเที่ยงคืนไปแล้วอันถือเป็นการขึ้นศักราชใหม่แห่งปี พ.ศ.2560 เป็นวันขึ้นปีใหม่ดิถีมงคลฤกษ์ในการกำเนิดสิ่งใหม่ๆ พระอาจารย์โอได้พิจารณาว่า “อันพระเครื่องวัตถุมงคลต่างๆของพ่อแม่ครูบาอาจารย์สมัยก่อนที่ท่านเก็บสะสมอยู่นั้น หากเก็บไว้ก็เป็นจำนวนองค์พระอยู่ประมาณหนึ่ง แต่หากนำพระเครื่องวัตถุมงคลเหล่านั้นมาแปรเปลี่ยนเป็นมวลสารในการสร้างพระ ก็จะก่อเกิดรูปกายแห่งองค์พุทธะได้มากขึ้น”

พระอาจารย์โอจึงได้ทำการอธิษฐานขอขมากล่าวโทษ ขอขมากรรมในการนำพระเครื่องวัตถุมงคลของเกจิอาจารย์ชื่อดังต่างๆมากมายที่ท่านแช่บูชาไว้กับน้ำมันศักดิ์สิทธิ์ในโหลแก้วทั้งหมดมาตำเพื่อเป็นมวลสารสำหรับการสร้างพระพุทโธรักษา รุ่น”กำเนิดพุทธะ” และวัตถุมงคลรุ่นต่างๆต่อไปในอนาคตกาล ว่ากันว่าถ้านับมูลค่าของพระเครื่องและของวิเศษต่างๆในโหลนี้รวมกันแล้ว 10ล้านบาทก็เอาไม่อยู่ เป็นวัตถุมงคลที่ท่านพระอาจารย์เก็บสะสมมาทั้งชีวิต ซึ่งแต่ละองค์ก็ล้วนแล้วแต่มีพุทธคุณความเข้มขัลงศักดิ์สิทธิ์อันเป็นที่โจษจันและเป็นที่เสาะแสวงหากันในแวดวงนักสะสมพระเครื่องทั้งสิ้น





สมเด็จวัดเกศไชโย



พระผงสุพรรณ



เจ้าแม่กวนอิม อ.ชุม ไชยคีรี



ขุนแผนเยี่ยวชะนี หลวงพ่อตัด วัดชายนา



สมเด็จ หลวงปู่ทองอินทร์ วัดกลางคลองสี่



หลวงปู่ทวดเนื้อผง หลวงปู่ดู่ วัดสะแก



พระที่หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค สร้างกับหลวงพ่อนวล วัดโพธิ์บางระมาด



ขุนแผนพรายกุมาร พิมพ์เล็ก หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่



ผงวิเศษ หลวงปู่จันทร์ วัดโฉลกหลำ



ขุนแผนเคลือบ กรุใหญ่ วัดใหญ่ชัยมงคล



สมเด็จเนื้อผงน้ำมัน หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม

 



พระกรุนาดูน



พระกรุนาดูน



พระกรุวัดพระประโทน จ.นครปฐม



โอวาทของฤาษีจันทรา หนึ่งในครูบาอาจารย์ของพระอาจารย์โอ

"ทำจริง จริง ทำไม่จริง ไม่จริง"



สมเด็จวัดเกศไชโย ก็บุบสลายกลายเป็นธุลีเพื่อการก่อเกิดรูปนามแห่งองค์พุทธะ ภายใต้ชื่อ "พระพุทโธรักษา"



พระนางพญา หลวงพ่ออ๋อย วัดไทร ศิษย์พุฒาจารย์โต











พระปิดตา กรุวังหน้า



พระปิดตา หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์







แร่มะห่านฉ่วย

‼หนึ่งในมวลสารพิเศษของพระพุทโธรักษา‼

กายสิทธิ์แห่งการดูดเงินดูดทอง

แร่มะห่านฉ่วยเป็นแร่กายสิทธิ์ที่มีฤทธิ์เสริมธาตุในตัว หนุนดวงไม่ให้ตกต่ำ ค้ำจุนดวงชะตา อีกทั้งยังส่งเสริมโชคลาภและวาสนาแก่ผู้เป็นเจ้าของ เป็นของพิเศษที่ครูบาอาจารย์รุ่นก่อนต่างเสาะแสวงหาและสร้างไว้ให้เป็นตำนานฝากไว้ในโลกา

แร่มะห่านฉ่วยเป็นแร่ในตำนานที่ว่ากันว่าเกิดขึ้นจากเหงื่อไคลของตัวหม่ำ เนื่องจากตัวหม่ำไม่มีรูทวาร เกิดมาเพื่อกินอย่างเดียวโดยไม่มีการถ่ายออก มีเพียง”เหงื่อ” เท่านั้นที่เป็นสิ่งเดียวที่ถูกขับออกมาจากตัวหม่ำ ดังนั้น “แร่มะห่านฉ่วย”จึงถูกจัดให้เป็นของสุดยอดแสนหายากที่น้อยคนนักจะได้พบเห็นและมีเพียงไม่กี่คนที่ได้ครอบครอง

บางครั้งผู้ประกอบอาชีพขุดหาแร่มีค่า จะพบเจอก้อนหินที่มีลักษณะเฉพาะอยู่ระหว่างการขุด เป็นที่น่าแปลกว่าหากทำการขุดหาแร่ต่อไปหลังพบเจอก้อนหินที่กล่าวมา ก็จะไม่พบแร่มีค่าอีก ดังนั้นก้อนหินที่ว่าจึงเปรียบเสมือนป้ายบอกว่าจุดๆนี้คือสุดสายแร่ มีความเชื่อว่าตัวหม่ำได้กินแร่มีค่าในดินจนเหนื่อย จึงปล่อยเหงื่อออกมาแล้วเหงื่อนั้นก็ได้แปลสภาพเป็นก้อนหินซึ่งมีแร่มะห่านฉ่วยเป็นองค์ประกอบอยู่นั่นเอง





ผงเกราะเพชร

‼หนึ่งในมวลสารพิเศษของพระพุทโธรักษา‼

ผงชนิดนี้เป็นผงเก่าของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่ตกทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น สมัยก่อนครูบาอาจารย์ในสายวิชานี้จะนำผงเกราะเพชรเพียงน้อยนิดอุดไว้ภายในพระเครื่องก็บังเกิดความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์มากแล้ว โดยชาวบ้านในสมัยนั้นมักนำมาใช้แช่น้ำมนต์เพื่อเป็นยารักษาอาการเจ็บไข้ได้ป่วย และขับไล่อาถรรพ์ต่างๆ ผงเกราะเพชรนี้เป็นผงศักดิ์สิทธิ์ทางสายคุณพระ ที่ได้จากการเขียนผงลบผงบนกระดานชนวนด้วยการเดินกลบทยันต์เกราะเพชร เป็นยันต์ที่ได้จากการถอดอาขยานบทพุทธคุณ56ห้องออกมาได้มากถึง 56 แบบยันต์ ครูบาอาจารย์สมัยก่อนจะทำผงเกราะเพชรนี้เฉพาะเวลาที่พระปั่นปาฏิโมกข์ในช่วงเข้าพรรษา





ผงพระพุทโธ

‼หนึ่งในมวลสารพิเศษของพระพุทโธรักษา‼

ประกอบไปด้วย:

-ผงมวลสารพระพุทโธรักษา รุ่นแรก

-ว่านไพรดำ (เยอะมาก)

-เหล็กไหลไข่ปูในตำนานที่หาได้ยากยิ่ง

-แร่ทองคำดำ

-ไม้พระลักษณ์พระราม เป็นไม้ที่ไม่ขึ้นบนน้ำ ไม่ขึ้นบนดิน ไม่ขึ้นบนบก แต่เป็นไม้วิเศษที่ขึ้นอยู่กลางอากาศ ได้มาจากบึงมหัศจรรย์ที่อุตรดิตถ์

-และมวลสารพิเศษอีกมายมายเกินบรรยาย















































การอุบัติขึ้นแห่งพระพุทโธรักษาในวันพระพุทธเจ้า

พระอาจารย์โอได้ถือเอาดิถีมงคลฤกษ์ที่ถือว่าเป็นหนึ่งในฤกษ์มงคลที่สุดในรอบ1ปีในการกดพิมพ์พระพุทโธรักษา ตั้งแต่เวลา6โมงเช้าของวันที่ 10 พ.ค. จนถึงเวลา6โมงเช้าของวันที่ 11 พ.ค. ซึ่งวันวิสาขบูชา หรือ วันเพ็ญเดือน 6 นับเป็นวันที่สำคัญที่สุดในพระพุทธศาสนา เพราะเป็นวันคล้ายวันที่เกิดเหตุการณ์สำคัญของพระพุทธศาสนามากถึง 3 เหตุการณ์ คือ เป็นวันคล้ายวันประสูติ, ตรัสรู้ และปรินิพพาน ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดังนั้นจึงมีคำเรียกวันนี้อีกอย่างหนึ่งว่า "วันพระพุทธเจ้า"





พระนาคปรกใบกระถิน เป็นของล้ำค่าสำหรับลูกหลานสายนาคาตัวจริง ประดุจดั่งสมบัติแห่งเมืองบาดาลที่พญานาคได้ตั้งใจประทานมาให้แก่ลูกหลานในสายเลือด

Phra Naga Cover Buddha" become the valuable amulet which Naga gives to real descendants like as the treasure of nether world that Naga to their lineage.



ประวัติความเป็นมาของพระนาคปรก

เมื่อพูดถึง "พระนาคปรกใบมะขาม" คงไม่มีผู้สะสมพระเครื่องและวัตถุมงคลท่านใดที่ไม่รู้จัก ด้วยพุทธศิลป์ที่งดงามเป็นเอกลักษณ์ และด้วยขนาดที่ "เล็ก" อันเป็นจุดเด่นของพระเครื่องพิมพ์นี้ แต่น้อยคนนักจะรู้ถึงเบื้องลึกในประวัติความเป็นมาของพระนาคปรกใบมะขาม เนื่องจากกรรมวิธีและพิธีในการสร้างพระนาคปรกใบมะขามนั้นถือเป็นศาสตร์วิชาเฉพาะที่มีมาแต่โบราณ สืบทอดกันจากรุ่นสู่รุ่น โดยพระนาคปรกที่พระอาจารย์โอจัดสร้างนี้เป็นหนึ่งในวิชาสาย "นาคราช" เนื่องจากพระนาคปรกรุ่นนี้มีขนาดที่เล็กมาก เล็กกว่าใบมะขามเสียอีก พระอาจารย์โอจึงให้ชื่อว่า “พระนาคปรกใบกระถิน”

เมื่อครั้งยุครุ่งโรจน์ของอารายธรรมชัยวรมันหรือขอมโบราณ ผู้คนจะเชื่อถือศรัทธาพระนาคปรกเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอาณาจักรจามอันยิ่งใหญ่ ซึ่งกินพื้นที่ตั้งแต่ทางตอนใต้ของประเทศเวียดนาม, ประเทศลาว, ประเทศเขมร, ภาคอีสานของไทย, จ.สุพรรณบุรี จนถึง จ.กาญจนบุรี เลยทีเดียว

พระนาคปรก เป็นพระพุทธรูปปางประจำวันเสาร์ ที่มีคติความเชื่อกันว่า พุทธานุภาพพุทธคุณสูงส่ง ในอดีตโบราณาจารย์จะนิยมสร้างพระนาคปรกเป็นพระพุทธรูปบูชาขนาดใหญ่ ด้วยเนื้อศิลา เนื้อโลหะ ประกอบกับบางอารามมีพระพุทธรูปปางนาคปรก เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำวัดก็มี สร้างเป็นพระพิมพ์ขนาดเล็กก็มี เพื่ออาราธนาพกติดตัวไปที่ต่างๆ ได้สะดวกขึ้นเพื่อปกป้องรักษา ปกป้องคุ้มกันภยันตรายให้แก่ชีวิต รวมทั้งเพื่อบรรจุกรุไว้ในสถูปเจดีย์ หรือมงคลสถานต่างๆ จวบจนในสมัยรัตนโกสินทร์ พระนาคปรกได้ รับความนิยมจากพระเถราจารย์ โดยสร้างเป็นพระเครื่องขนาดเล็ก มีรูปแบบและขนาดเล็กเท่าใบมะขาม โดยกรรมวิธีปั๊มด้วยโลหะชนิดต่างๆ และนิยมเรียกพระสกุลนี้ว่า พระปรกใบมะขาม ซึ่งมีคติความเชื่อกันว่าพุทธศิลป์และรูปลักษณ์อันมีมุจลินทนาคราชแผ่พังพานใหญ่ปกคลุมเบื้องบนพระเศียรเสมือนกั้นด้วยเศวตฉัตรถวายพระผู้มีพระภาคเจ้า จึงเชื่อถือกันว่าพระนาคปรกนั้นมีพุทธคุณในการปกป้องคุ้มครอง และให้ความร่มเย็น นอกจากนี้ พญานาค เป็นเจ้าแห่งทรัพย์ทั้งปวงอีกด้วย จึงเป็นพระเครื่องทรงพุทธานุภาพพุทธคุณสูงส่ง จนเป็นที่กล่าวขานในวงการพระเครื่องว่า พระปรกใบมะขามมีพุทธคุณสูงส่งจิ๋วแต่แจ๋ว และเป็นที่นิยมแสวงหากันมากในปัจจุบันนี้

ครูบาอาจารย์หลายท่านในสมัยก่อนก็ได้ศีกษาร่ำเรียนวิชานาคราชสืบต่อกันมา อาทิเช่นพระนาคปรก ของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า เป็นพระนาคปรกเนื้อทองแดงโดด โดยใช้การฆ่าธาตุให้ทองแดงตายกลายเป็นธาตุวิเศษ หรือพระนาคปรก ของหลวงพ่อพิมพ์มาลัย วัดหุบมะกล่ำ ที่วันดีคืนดีจำนวนพระนาคปรกจะเพิ่มจำนวนขึ้น และถ้าเจ้าของพระไม่ปฏิบัติตัวอยู่ในศีลในธรรม พระนาคปรกก็จะเสด็จหายไปอย่างน่าอัศจรรย์

Phra Nak Prok & Belief.

Phra Nak Prok will support the prayer to be secure and peaceful. Moreover, Naga is the god of wealth so, Phra Nak Prok or called “Phra Naga Covers Buddha” is very good for wealth and luck. Therefore, Phra Nak Prok was praised to be one of the best amulet that is smallest with excellent functions in amulets society.



++วิชานาคราช++

[ขุมทรัพย์จากปราสาทหินนครวัด]

ว่ากันว่าเดิมทีตำราวิชาในการสร้างพระปรกใบมะขามนี้อยู่ในหมวดของ”วิชานาคราช” เป็นวิชาที่ถูกจารึกไว้บนแผ่นศิลาภายในปราสาทหินนครวัด ซึ่งเป็นสถานที่ชุมนุมกันของเหล่านักสิทธิ์วิทยาและผู้ร่ำเรียนพระเวทย์คาถาตั้งแต่สมัยโบราณ พวกเขามักจะแลกเปลี่ยนและศึกษาวิชาในแผ่นศิลาจารึกอันสถิตอยู่ภายในปราสาทนครวัดร่วมกันอยู่เสมอๆ ภายในปราสาทหินนครวัดนั้นมีศาสตร์วิชามากมายหลายแขนง แต่มีอยู่หนึ่งวิชาที่ถือว่าเป็นยอดมนต์ นั่นก็คือ "วิชานาคราช" ซึ่งประกอบไปด้วย นาคราชใหญ่, นาคราชเล็ก, นาคราชพระพุทธเจ้า,นาคราชพรหมา, และ นาคราชศิวะ วิชานาคราชนี้เป็นวิชาที่มีความวิจิตรพิสดารโดดเด่นไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าวิชาใดๆ มีอานุภาพในด้านเมตตาโชคลาภ โภคทรัพย์ ป้องกันภูติผีปีศาจ มหาอำนาจ คุ้มครองป้องกัน คงกระพันชาตรี เรียกว่ามีอานุภาพครอบคลุม 108 ประการครอบจักรวาล

มีตำนานเล่าสืบต่อกันมาว่าได้มีพระองค์หนึ่งเดินธุดงค์มาจากเมืองเสียมเรียบ ประเทศเขมร พระองค์นี้ไม่ยอมตกอยู่ภายใต้การปกครองของเขมร ตามวิถีการเมืองในสมัยนั้น ท่านจึงตัดสินใจอพยพเดินจารีกธุดงค์มาอยู่เมืองไทย พระองค์นี้ท่านไม่ได้มาตัวเปล่าแต่ท่านได้นำสุดยอดวิชามาด้วย เป็นตำหรับสีทองอร่ามทำจากทองคำแท้หนักประมาณ20บาท ที่ท่านได้จารึกพระเวทย์ในปราสาทหินนครวัดทั้งหมดไว้ภายใน ท่านได้ผูกตำหรับทองคำไว้กับเอวเดินทางเรื่อยมาจนมาถึงวัดหนึ่งในเมืองไทย วิชาในตำหรับทองคำนั้นได้ถูกคัดลอกลงสมุดข่อย หลังจากนั้นตำหรับทองคำนั้นได้ถูกหลอมเป็นพระนาคปรกใบมะขามในตำนานที่มีผู้คนเสาะแสวงหากันตราบจนทุกวันนี้

++King Naga.++

[ The treasure magical subject of Angkor Wat. ]

Phra Arjarn O made and blessed this Phra Nak Prok Mini followed the magic scripture of “King Naga” or called "Nak Ka Rart", the ancient magic subject from Angkor Wat. The power of this subject is universal so, Phra Arjarn O also praised this subject to be one of the best magic subject that he has ever studied.

 



พระนาคปรก

เล็กที่สุด พิเศษที่สุด งดงามที่สุด

กับมวลสารที่เหล่าลูกหลานนาคาเห็นแล้วต้องกรี๊ด

Phra Nak Prok.

Smallest, Specialest, Beautifulest.

With The Exclusive Material That All Naga's Descendants Must Scream Loudly.



-=เนื้อมวลสารนาคาสำเร็จ=-

++พระนาคปรกใบกระถิน++

-โบราณจารย์สมัยก่อน จะพิถีพิถันให้ความสำคัญกับมวลสารมาก การจะสร้างพระนาคปรกนั้นจึงต้องเฟ้นหามวลสารที่มีความเกี่ยวโยงกับพญานาคโดยตรงจึงจะถือว่าถูกต้องตามตำราที่สุด อาทิเช่น แร่จ้าวทะเล, จ้าวบาดาล, จ้าวสมุทร, และนาคสวาส ซึ่งแร่เหล่านี้ล้วนเป็นธาตุกายสิทธิ์อันมีฤทธิ์และคุณวิเศษในตัว การจะหามาซึ่งมวลสารเหล่านี้จึงต้องเจบจบเชี่ยวชาญในศาสตร์ความรู้เกี่ยวกับธาตุวิเศษเป็นอย่างดี

พระอาจารย์โอได้ให้คนหาแร่ธาตุวิเศษเหล่านี้อยู่นาน กระทั่งมีคนหนึ่งได้เจอแร่ที่ว่าอยู่ในถ้ำ จึงได้นำมาถวายพระอาจารย์โอ ถือเป็นนิมิตหมายมงคลในการสร้างพระนาคปรกนี้ดั่งเทพเทวดาเหล่านาคาบรรดาลให้มา

ธาตุวิเศษต่างๆที่ได้มานั้นมีน้ำหนักรวมกันได้ประมาณ 140 กิโลกรัม ซึ่งเมื่อนำมาเผาแล้วจะเหลือเพียงประมาณ 14 กิโลกรัมเท่านั้น พระอาจารย์โอได้นำแร่ธาตุเหล่านั้นมาพลี โดยการนำมาบดให้ละเอียดแล้วแช่ในน้ำว่านยาพิเศษ ก่อนนำมาเผาโดยผ่านกลเม็ดเคล็ดลับตามตำราการสร้างพระนาคปรกแห่งสายวิชานาคราช เพื่อให้ได้ธาตุวิเศษที่มีคุณวิเศษจริงมีวรรณะรัศมีสวยงามดั่งเกล็ดแก้วนาคา7สีก็ไม่ปาน อันมีชื่อว่า "นาคาสำเร็จ" ขั้นตอนการเผานี้สำคัญ หากเผาไม่ถูกต้องแล้วธาตุต่างๆจะสูญเพลิงไปหมดสิ้น เหลือเพียงเถ้าถ่านไว้เชยชม

-=Naga's Rainbow Scale.=-

++Phra Nak Prok Mini.++

-Since the former times, skillful magic masters will highly give precedence to material for making amulet. Therefore, when Phra Arjarn O want to make "Phra Naga Covers Buddha" or Thai people called "Phra Nak Prok", Phra Arjarn O must spend a lot of time to fine the material which directly refer to Naga follow the magic scripture. Those materials are natural minerals which have supernatural power inside. One day, the man that Phra Arjarn O told him to find those minerals found them in the deep cave, then offered to Phra Arjarn O so,it is the auspicious situation like as Naga gave those supernatural minerals to Phra Arjarn O for making the great amulet.

All supernatural minerals from the deep cave has weight about 140 kilograms but, after burn them into fire, the weight of those supernatural minerals will left about 14 kilograms only. After Phra Arjarn O got those supernatural minerals, he grinned them to be powder and soaked into the special herbal water before burnt follow the secret method of making "Phra Naga Cover Buddha" until he got the special material which look like Naga's Rainbow Glass Scale. If the burning method is wrong, all of supernatural minerals will be changed to useless dust.



++เนื้อมวลสารปรอทกินทอง++

พระนาคปรกใบกระถิน

ธะนะเต็กธิปะดา (ปรอทกินทอง)

‼ตำนานแห่งปรอทกายสิทธิ์‼

‼ปรอทที่ทุกคนต่างอยากได้มาครองครอง‼

‼ผู้ที่ครอบครอบปรารถนาเงินทองจักได้กินทุกสิ่งอัน‼

ของ "เจ้าสยาดอ ปะดา เมียเมียโล็วตี ก็อดเมอคิวรี่เวรี่แฮนซั่มเมจิกมาสเตอร์" (พระอาจารย์โอ พุทโธรักษา)

ทายาทสายวิชา ท่านอาจารย์อูว์กว่าหล่า และ ท่านอาจารย์อูว์จี สำนักประดาสิทธิเมืองเมียวดี

ปรอทกินทองเป็นปรอทกายสิทธิ์ประเภทหนึ่งตามศาสตร์วิชาเล่นแร่แปรธาตุ ขึ้นชื่อลือชาว่ามีคุณวิเศษอนันต์จริง แต่การจะหาใครซักคนทำได้สำเร็จนั้นยากยิ่ง เมื่อก่อนเคยมีตำนานกล่าวขานถึงปรอทกินทอง ที่พระอาจารย์โอเคยทำไว้สมัยยังอยู่วัดเก่า เมื่อทำสำเร็จตามตำราแล้ว พระอาจารย์โอก็ได้วางมือไปนาน ปีใหม่ศักราชใหม่นี้ พระอาจารย์โอจึงรื้อฟื้นคืนตำนานแห่งปรอทกินทองกลับให้มาสะเทือนสั่นกัมปนาทโลกาอีกครั้ง

เหตุที่ปรอทกายสิทธิ์ชนิดนี้ถูกเรียกว่าปรอทกินทองก็เนื่องจาก เวลาหุงต้องคอยป้อนทองคำเลี้ยงใส่ให้ปรอทกิน เพราะตามธรรมชาตินั้นปรอทเป็นธาตุที่อันตรธานหายได้ง่ายมาก จึงจำเป็นที่จะต้องนำทองคำซึ่งเป็นของที่ปรอทชื่นชอบมาล่อให้ปรอทไม่หนีไปจากเบ้า โดยแต่ละครั้งที่นำปรอทไปหุงในเบ้านั้น ผู้ทำต้องคอยป้อนทองคำให้ปรอทกินในปริมาณที่พอเหมาะพอดี ไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป เพราะหากปริมาณสัดส่วนของทองคำและปรอทไม่ถูกต้องตามสูตร ทั้งปรอทและทองคำจะหนีหายออกจากเบ้าไปหมด ซึ่งแต่ละครั้งที่ปรอทได้กินทองคำเข้าไป อิทธิฤทธิ์ก็จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆตามลำดับ ผู้เผาปรอทชนิดนี้จึงต้องทำอย่างพิถีพิถันและละเอียดรอบคอบถึงจะได้ปรอทกินทองที่มีฤทธิ์ตามตำรา พระอาจารย์โอได้ใช้ทองคำ 99.99% รวมไปถึงเครื่องประดับทองคำสมัยทวารวดีที่มีแร่ปรอทแทรกอยู่ในเนื้อมาป้อนให้ปรอทกินอยู่นานจนปรอทอิ่มทอง เพราะพระอาจารย์โอกล่าวว่า “การหุงปรอทกินทองก็ไม่ต่างกับการเลี้ยงไก่ หากเราให้อาหารไก่ด้วยอาหารที่มีคุณภาพ ไก่นั้นก็จะออกไข่ที่สดใหม่ให้เราเป็นการตอบแทน”

คุณวิเศษหลัก 5ประการของปรอทกินทอง

1.ควรนำไปทำเป็นแหวนหรือจี้เพื่อให้สัมผัสกับร่างกายเพื่อให้ปรอทสามารถช่วยเหลือเกื้อหนุนผู้เป็นเจ้าของอย่างเต็มที่ สามารถขับพิษร้ายที่ตกค้างอยู่ในร่างกายออกไป ทำให้มีกำลังวังชา ใช้สวมใส่เวลานอนหลับ ทำให้นอนหลับสบาย ตื่นมาด้วยความสดชื่น

2.ป้องกันสิ่งอัปมงคล อำนาจคุณไสย์มนต์ดำ ภูตผีปีศาจร้าย อันตรายทั้งปวงไม่ให้มากร้ำกรายราวี ทั้งยังป้องกันภยันตราย แคล้วคลาดจากอุบัติเหตุเภทภัย เป็นคงกระพันชาตรี ศัตรูหมู่คนพาลแพ้ภัยตนเอง ป้องกันอสรพิษ สัตว์มีพิษทั้งหลายตลอดจนเขี้ยวงาต่างๆได้

3.ปรับสมดุลธาตุทั้ง๔ในร่างกายให้สม่ำเสมอ ไม่เจ็บป่วยง่าย มีสุขภาพดี ทั้งยังเสริมธาตุทองในตัว ช่วยเสริม อำนาจ วาสนา บารมี เสน่ห์ โชคลาภ หนุนดวง ให้ทำมาหากินเจริญรุ่งเรือง เสริมในสิ่งที่ขาด เสริมสิ่งที่มีอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้น เพราะทองเป็นธาตุที่เข้าได้กับทุกธาตุไม่ว่าอยู่กับธาตุไหนก็ทำให้ธาตุนั้นมีค่า ส่องสว่างมากยิ่งขึ้น

4.เสริมดวงชะตาราศี เวลาดวงชะตาขึ้น ปรอทกินทองนี้จะสุกใสเปล่งประกายทอง เวลาดวงตกเคราะห์ร้ายตามอิทธิพลของจักรราศี ปรอทกินทองจะหม่นหมองคล้ำดำลง เมื่อสีสันของปรอทกินทองคล้ำลงให้นำปรอทกินทองไปแช่ในน้ำส้มป่อยแล้วอาราธนาคุณครูบาอาจารย์และเทพเทวดาผู้อารักษ์รักษาปรอทช่วยเสกน้ำให้เป็นน้ำมนต์อาบตัว แล้วควรทำบุญสะเดาะเคราะห์เสีย จะดีนักแล

5.เวลาจะเดินทางไปไหน ให้นำน้ำหอมมาประพรมลูบทาที่ปรอทกินทองแล้วอธิษฐานจะสมดังใจเราแล เมื่อบูชาปรอทกินทองเจ้าของควรไหว้พระสวดมนต์อยู่เสมอหรือสวดบทพระพุทธคุณ อิติปิโสวันละ3รอบจะดียิ่งๆขึ้นไปอย่างมากนักแล

++Mercury Eat Gold.++

Phra Nak Prok Mini.

5 Fantastic Functions Of Mercury Eat Gold.

1.The owner should take Mercury Eat Gold to make a ring or pendant because when Mercury Eat Gold touch the owner’s skin directly, it will expel disease and illness out of the owner and also support the owner effectively. It will increase the owner’s energy and help the owner sleeps well and wake up with freshness.

2.Mercury Eat Gold can protect the owner from black magic, ghost, poisonous animal, accident and danger. Being invulnerableand eliminate opponents.

3.Mercury Eat Gold will improve the owner’s health to be healthy and reinforcethe gold mineral inside the owner’s body that will support the owner to be lucky, wealthy and having a good look. Also good for business and support whatever the owner lack off because Gold is the natural mineral that can accord with any mineral and make that mineral become more worth and shining.

4.Mercury Eat Gold will support the owner’s destiny. When the owner’s destiny raises up, Mercury Eat Gold will be shining as gold. In the other hand, when the owner’s destiny is down due to the zodiac changes, Mercury Eat Gold will become dull. Therefore, when Mercury Eat Gold become dull, the owner should take it into the pure water and pray to the mercury teacher and holy things who maintain this Mercury Eat Gold to bless the water to be holy water for bathing and go the make merit at the temple also.

5.The owner should perfuse perfume upon Mercury Eat Gold and then make a wish, the wish will come true. The owner should pay respect to Buddha and chant Buddha’s spell often to get the complete effectiveness of Mercury Eat Gold.



พระนาคปรกที่องค์จิ๋วที่สุดในประวัติศาสตร์แห่งวงการพระเครื่อง‼

The most smallest Phra Nak Prok in the amulet history.!!



พระนาคปรกใบกระถิน เมล็ดพันธุ์แห่งพุทธะที่จะเติบโตหยั่งรากแห่งศรัทธาไปตลอดสมัยพุทธันดร

Phra Nak Prok Mini, The Buddha's Seed That Will Root To Buddhist's Heart.



เล็กจิ๋วดุจเกล็ดหิมะ

Small As Snow.





1.แก่เนื้อนาคาสำเร็จ

สัดส่วนของมวลสารคือเนื้อนาคาสำเร็จ 80% ผสมกับเนื้อปรอทกินทอง 20%

-พิมพ์ใหญ่ (สูง 8 มม.) บูชา 100 บาท

1.Concentrated "Naga's Rainbow Scale"

Proportion of material is 80 % of "Naga's Rainbow Scale" mixed with 20% of "Mercury Eat Gold".

-Big Size (Height 8 mm.) 100 Baht.






1.แก่เนื้อนาคาสำเร็จ

สัดส่วนของมวลสารคือเนื้อนาคาสำเร็จ 80% ผสมกับเนื้อปรอทกินทอง 20%

-พิมพ์เล็ก (สูง 6 มม.) บูชา 50 บาท

1.Concentrated "Naga's Rainbow Scale"

Proportion of material is 80 % of "Naga's Rainbow Scale" mixed with 20% of "Mercury Eat Gold".

-Small Size (Height 6 mm.) 50 Baht.



 





2.แก่เนื้อปรอทกินทอง

สัดส่วนของมวลสารคือเนื้อปรอทกินทอง 80% ผสมกับเนื้อนาคาสำเร็จ 20%

-พิมพ์ใหญ่ (สูง 8 มม.) บูชา 100 บาท

2.Concentrated "Mercury Eat Gold"

Proportion of material is 80 % of "Mercury Eat Gold" mixed with 20% of "Naga's Rainbow Scale".

-Big Size (Height 8 mm.) 100 Baht.







2.แก่เนื้อปรอทกินทอง

สัดส่วนของมวลสารคือเนื้อปรอทกินทอง 80% ผสมกับเนื้อนาคาสำเร็จ 20%

-พิมพ์เล็ก (สูง 6 มม.) บูชา 50 บาท

2.Concentrated "Mercury Eat Gold"

Proportion of material is 80 % of "Mercury Eat Gold" mixed with 20% of "Naga's Rainbow Scale".

-Small Size (Height 6 mm.) 50 Baht.










พระอาจารย์โอทำการม้วน ตะกรุดกำเนิด3 (กำเนิดมนุษย์, กำเนิดเทวดา, และกำเนิดอรหันต์) ด้วยตัวท่านเองก่อนนำไปฝังไว้ด้านหลังพระพุทโธรักษาเพื่อความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ จึงกล่าวได้ว่าพระพุทโธรักษารุ่นนี้เป็นเสมือนการกำเนิดของสิ่งประเสริฐทั้งหมด 4 ประการด้วยกันคือ

1.กำเนิดมนุษย์ผู้เป็นมนุษยประเสริฐ

2.กำเนิดเทวดาผู้เป็นเทวะประเสริฐ

3.กำเนิดอรหันต์ผู้เป็นพระอริยะประเสริฐ

4.กำเนิดพุทธะผู้เป็นองค์ปฐมบทแห่งพระพุทธเจ้า

 









 



ตะกรุดกำเนิด3 

-ตะกรุดกำเนิดมนุษย์ทองคำ

-ตะกรุดกำเนิดเทวดาทองคำ

-ตะกรุดกำเนิดอรหันต์ทองคำ

พระอาจารย์โอกล่าวว่า “ตะกรุดกำเนิด3นี้ ฉันไม่ได้สร้างบ่อยนัก ไม่ใช่เพียงเพราะสร้างยาก แต่หากว่ามษุษย์ผู้ถือครองจะมีอภิสิทธิ์พิเศษเหนือมนุษย์ อันเป็นปัจจัยแห่งความไม่สมดุลในวัฏฏะ”

‼ค้ำชูหนุนดวงชะตาของผู้เป็นเจ้าของ ผู้ใดมีไว้จะเป็นผู้เจริญแต่ฝ่ายเดียว ดั่งพลิกฟ้ากลับธรณีเป็นผู้ประเสริฐ สิ่งใดอันประเสริฐจะบังเกิดแก่ผู้ครอบครองบริบูรณ์‼

วิชาการสร้างตะกรุดกำเนิด3นี้เป็นหนึ่งในวิชาปถมังกำเนิดในตำราของพระเตมีย์โพธิสัตว์พุทธเจ้า ที่ได้กล่าวถึงการกำเนิดทั้งปวง เป็นวิชาที่ว่าด้วยปถมังกำเนิดอันหมายถึงการก่อเกิดของทุกสรรพสิ่งที่ประเสริฐ เป็นดั่งการกำเนิดของ“อาชาไนย” อันหมายถึงผู้ที่ได้รับการฝึกฝนอบรมตนมาอย่างดีแล้ว มีเชาว์ปัญญาว่องไว มีสติปัญญาแจ่มใส เข้าใจชีวิต และสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างฉับพลัน ถ้าถือกำเนิดเป็นสัตว์เดียรัจฉาน ก็ไม่ต้องถูกเฆี่ยนตี สามารถรับรู้คำสั่งได้อย่างรวดเร็ว ถ้าอยู่ในป่าใหญ่จะเป็นจ่าฝูง เป็นผู้นำของสัตว์ทั้งหลายผู้เป็นบริวาร เป็นสัตว์ประเสริฐ ที่พร้อมต่อการทำงานตลอดเวลา

 ดังนั้นจึงมีคำโบราณกล่าวไว้ว่า “เหล่าชาติอาชาไนย สัตว์ใดไม่ประเสริฐเกินม้า” หรือ “บุรษอาชาไนย” ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า “บุรุษอาชาไนยหาได้ยากในโลก เพราะว่า บุรุษอาชาไนยนั้น ย่อมไม่เกิดในสถานที่ทั่วไป บุรุษอาชาไนยนั้น เป็นนักปราชญ์ หากเกิดในตระกูลใด ตระกูลนั้น ย่อมถึงความสุข ถ้าหากได้ถือกำเนิดเป็นมนุษย์ ท่านเรียกว่าบุรุษอาชาไนย เป็นบุคคลที่กำเนิดขึ้นมา เพื่อสร้างสันติสุขให้บังเกิดขึ้นแก่โลก เหมือนดัง พระบรมโพธิสัตว์เจ้าทั้งหลาย ท่านเป็นบุคคลที่หาได้ยากในโลก เมื่อเกิดในตระกูลใด ก็นำพาความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ตระกูลนั้น แล้วยังรวมไปถึงหมู่บ้าน ประเทศชาติ และคนทั้งโลกอีกด้วย โดยเฉพาะเมื่อได้ตรัสรู้แล้ว ก็นำความสว่างไสวมาสู่จิตใจของมนุษย์และเทวาทั้งหลาย ให้ได้เข้าถึงสันติสุขภายใน ได้บรรลุธรรมาภิสมัยกันนับไม่ถ้วน พระโพธิสัตว์จึงได้ชื่อว่า เป็นยอดของบุคคลอาชาไนยทั้งหลาย”

วิชากำเนิด3นี้เป็นวิชาที่เหนือกฏเกณฑ์แห่งห้วงกาลเวลา เกี่ยวข้องกับการผูกดวงเกิดโดยไม่ใช้หลักของอินทภาส-บาทจันทร์ หรือดวงจันทรประภา-สุริยะประภา เป็นการกำเนิดเกิดขึ้นของมนุษย์ผู้เป็นมนุษยประเสริฐ, เทวดาผู้เป็นเทวประเสริฐ และอรหันต์ผู้เป็นพระอริยะประเสริฐ เป็นตะกรุดที่สร้างได้ยากยิ่งเพราะต้องอาศัยฤกษ์ยามพิสดาร รวมถึงกลเม็ดเคล็ดลับต่างในการเรียกสูตรอักขระเลขยันต์ทั้งหลาย สมัยก่อนครูบาอาจารย์จะทำให้เฉพาะลูกศิษย์ใกล้ชิดเป็นรายบุคคลเท่านั้น จึงมีอีกชื่อหนึ่งว่า “ตะกรุดคู่ชีวิต” หรือ “ตะกรุดพิชัยสงครามสายนอโม” ด้วยการสร้างที่ยากยิ่งจึงทำให้วิชานี้เริ่มสูญหายไปตามกาลเวลา เหลือเพียงไม่กี่ท่านเท่านั้นที่ยังทำได้ เชื่อถือกันมาแต่โบราณว่าเป็นสุดยอดตะกรุดที่จะค้ำชูหนุนดวงชะตาของผู้เป็นเจ้าของ ผู้ใดมีไว้จะเป็นผู้เจริญแต่ฝ่ายเดียว ดั่งพลิกฟ้ากลับธรณีเป็นผู้ประเสริฐ สิ่งใดที่ประเสริฐจะบังเกิดสู่ผู้ครอบครองบริบูรณ์



เนื้อว่านเพชรกลับดำ

‼หนึ่งในมวลสารพิเศษของพระพุทโธรักษา‼

คุณวิเศษของว่านเพชรกลับดำนี้วิเศษนัก เกินจะหาโวหารใดมาเอ่ย ทั้งกลับร้ายเป็นดี ไปไหนมาไหนก็ได้กลับ ไปค้าขายก็ได้กำไรกลับ ไปจีบสาวก็ได้สาวกลับ ไปทำกิจธุระใดๆก็ได้ความสำเร็จกลับ เรียกว่าไม่เคยได้กลับมือเปล่า เสมือนแพที่ลอยไปแล้วลอยกลับนั่นเอง

เป็นว่านที่มีความพิสดารในการปลูกมากและยากยิ่ง ไม่ค่อยมีใครปลูกเพาะกันเท่าใดนักนอกจากเซียนว่านจริงๆ ว่านเพชรกลับหนึ่งหัวจะมีขนาดเท่าหัวหญ้าแห้วหมูเท่านั้น เรียกว่าขนาดใกล้เคียงกับหัวเข็มหมุดเลยก็ว่าไ้ด้ ที่ว่าปลูกได้ยากก็เพราะ

เมื่อเริ่มปลูกหัวแรกครบหนึ่งปี จะได้หัวว่านเพิ่มเป็น2หัว

ปลูก2หัวในปีที่2 จะได้หัวว่านเพิ่มเป็น4หัว

ปลูก4หัวในปีที่3 จะได้หัวว่านเพิ่มเป็น8หัว

ปลูก8หัวในปีที่4 จะได้หัวว่านเพิ่มเป็น16หัว

ปลูก16หัวในปีที่5 จะได้หัวว่านเพิ่มเป็น32หัว

ปลูก32หัวในปีที่6 จะได้หัวว่านเพิ่มเป็น64หัว

แต่เมื่อปลูกครบ 6 ปีแล้ว หัวว่านที่ปลูกในปีแรกจะฝ่อและตายลง และเป็นเรื่องแปลกว่าหากหัวแรกตายก่อนปลูกครบ 6 ปี หัวว่านที่เหลือทั้งหมดจะตายตกตามหัวแรกไปด้วย

นอกจากนี้ในสมัยก่อนการปลูกว่านเพชรกลับดำต้องมีพิธีกรรมเฉพาะ กล่าวคือผู้ปลูกต้องต่อแพขึ้นมาแล้วนำดินใส่ตามตำราก่อนนำหัวว่านลงดิน แล้วจึงจัดราชวัตรฉัตรธงทำพิธีบวงสรวงบอกพระแม่คงคาและเทวดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายให้ทราบถึงการปลูกว่านนี้ แล้วจึงลอยแพนั้นออกไป เมื่อครบหนึ่งปีในวันและเวลาเดียวกัน จะถือว่าเป็นวันกู้ว่าน ผู้ปลูกต้องกลับไปณสถานที่เดิมที่ทำการปล่อยแพนั้นแล้วทำพิธีจัดบายศรีเครื่องไหว้บวงสรวงเทวดา กล่าวคำถวายแก่พระแม่คงคาเทวดาทั้งหลาย แล้วเดินออกมาจากสถานที่ตรงนั้น เมื่อผ่านไปสัก1ชม.ให้เดินกลับไปที่เดิม แล้วจะพบแพปลูกว่านเพชรกลับดำอยู่เป็นที่อัศจรรย์ตา

อย่างเนื้อว่านเพชรกลับดำที่เห็นอยู่นี้ต้องใช้หัวว่านเพชรกลับดำสดหลายหมื่นหัว มาตำจนเหนียวในวันเสาร์5 โดยระหว่างตำต้องบริกรรมคาถาไปด้วยตลอด เมื่อเหนียวได้ที่แล้วให้ปั้นทิ้งไว้ตากลมจนแข็ง แล้วจึงทำพิธีรดน้ำมนต์ก่อนตำอีกครั้งถึงจะได้ออกมาเป็นผงเพชรกลับดำสำหรับการสร้างวัตถุมงคลต่อไป



ยอดยาพม่า

‼หนึ่งในมวลสารพิเศษของพระพุทโธรักษา‼

ยอดยาพม่าชุดนี้เดิมทีได้ถูกเก็บอยู่ภายในเจดีย์แห่งหนึ่งในประเทศพม่า อยู่มาวันหนึ่งเกิดแผ่นดินไหวขึ้น ทำให้เจดีย์นั้นเกิดชำรุดมีรอยร้าวตามจุดต่างๆ เมื่อฝนตกลงมาจึงทำให้น้ำฝนไหลเข้าไปยังห้องเก็บยาภายในเจดีย์ได้ สรรพยาวิเศษต่างๆบางส่วนที่โดนน้ำฝนก็เกิดการละลายรวมตัวกัน จึงถือวยอดยาพม่าก่อนนี้เป็นสุดยอดมวลสารอย่างแท้จริง เพราะอย่าลืมว่าตัวยาแต่ละชนิดก็มีคุณอันวิเศษของตนเอง แต่เมื่อรวมกันแล้วคุณวิเศษนั้นเกินจะเอื้อนเอ่ยเลยทีเดียว เป็นของที่ทรงคุณค่าจนยากจะประเมินค่าได้

ซึ่งยาส่วนใหญ่ที่ถูกเก็บอยู่ภายในเจดีย์นั้นเป็นยาแดงหรือยาปิยะ ปิยะแปลว่าเมตตา เสน่ห์โชคลาภ ยินดีชื่นชม สมัครสมานรักใคร่สามัคคี ในสายพม่าจะแบ่งยา ออกเป็น2 สาย หลักใหญ่ๆ คือ ยาปิยะ กับ ยาขมะ ยาขมะ คือคงกระพันคุ้มครองป้องกัน ปรามปราม มหาปราบ ยาปิยะเป็นยาเมตตาโชคลาภ เมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ ค้าขายเจริญรุ่งเรื่อง หนุนดวงหนุนหน้าที่การงาน หนุนอำนาจวาสนาบารมี ยาปิยะในสายพม่า จะทำเฉพาะไม่มีทั่วไปจะเลือกสรรค์กว่าจะได้มานั้นยากยิ่ง เป็นยาที่ใครจะได้ครอบครองต้องมีวาสนา เปรียบดั่งยาวาสนาจินดามณีของไทย ผู้ที่มีวาสนาถึงจะได้ใช้ครอบครองมีหลักการใช้คือ

1. ใช้สักเข้าตามร่างกาย

2. ใช้แช่น้ำมันหอม

3. ใช้พกติดตัวแล้วเอาน้ำมันหอมเจิมอธิฐานคือบูชาด้วยของหอม 

4. แค่พกเฉยๆ ปรารถนาสิ่งใดอธิฐานบอกเพราะเป็นยาที่เชื่อกันว่ามีส่วนผสมของดอกไม้ทิพย์จากสวรรค์มีส่วนผสมดั้งเดิมตั้งแต่อาจารย์ผู้เฒ่ารุ่นก่อนๆที่อายุเป็นร้อยเป็นพันปีก็สามารถมีชีวิตอยู่ได้ เป็นยาที่ปกปิดและหวงแหนกันมากสรรพคุณพลิกดวงชะตาคนจากหน้ามือเป็นหลังมือได้อย่างอัศจรรย์



ผงเสน่ห์เชื้อครู

‼หนึ่งในมวลสารพิเศษของพระพุทโธรักษา‼

ในการสร้างวัตถุมงคลแต่ละรุ่นนั้น พระอาจารย์โอจะทำการเก็บมวลสารของวัตถุมงคลรุ่นนั้นๆไว้ปริมาณหนึ่ง เพื่อนำไปต่อเชื้อสำหรับการทำวัตถุมงคลรุ่นต่อๆไป วิธีการนี้เรียกว่าเคล็ดวิชา "กินบ่อเสี้ยง" หมายถึงไม่ให้หมด ไม่ให้เสี้ยง ไม่ให้สูญ ให้เจริญงอกงามสืบต่อไป อย่างเช่นเวลาพระอาจารย์โอทำตะกรุดก็เช่นกัน หากต้องการทำตะกรุด100ดอก พระอาจารย์จะตีเส้นบนแผ่นโลหะไว้110ช่อง เพื่อให้เหลือที่ว่างไว้10ช่อง จะได้กินบ่เสี้ยงนั่นเอง

ซึ่งก้อนผงเสน่ห์นี้เป็นหัวเชื้อผงเสน่ห์เมตตาสายคุณพระที่พระอาจารย์โอเก็บบ่มสะสมมานาน มีความเข้มข้นมาก เป็นหัวเชื้อในการสร้างวัตถุมงคลให้มีพุทธคุณทางเมตตามหานิยม เป็นที่รักแก่มนุษย์และเทวาทั้งหลาย







จริงๆแล้วมวลสารทั้งหมดที่นำมาสร้างพระพุทโธรักษารุ่นนี้ ล้วนแล้วแต่มีความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ในตัวเต็มที่ พระอาจารย์โอกล่าวว่า "มวลสารแต่ละอย่างก็ปลุกเสกมานานจนไม่รู้จะเสกอะไรเข้าไปแล้ว"

แต่ถึงกระนั้นพระอาจารย์โอก็ได้ปลุกเสก พระพุทโธรักษา รุ่นนี้เป็นเวลา 12 วันเต็มก่อนออกให้บูชา แบ่งเป็น 4 คาบดังนี้

1. ปลุกเสกด้วยมนต์18โองการ เป็นเวลา 3 วันเต็ม

2.ปลุกเสกด้วยวิชาทางโชคลาภ เป็นเวลา 3 วันเต็ม

3.ปลุกเสกด้วยมนต์เสน่ห์เมตตามหานิยม เป็นเวลา 3 วันเต็ม

4. ปลุกเสกด้วยสรรพวิชาทั้งหมดที่พระอาจารย์โอยกย่องว่าเป็นยอดมนต์ เป็นเวลา 3 วันเต็ม

 
บัตรเครดิต / บัตรเดบิต


เพย์สบาย / เพย์พาว / เอ็มเปย์


ก่อนทำการสั่งซื้อสินค้า กรุณาโทร หรือ Line หรือ Email สอบถามทางร้านก่อนโอนเงิน หากโอนเงินไม่เกินเวลา 16.00 น. จะจัดส่งทันที ณ วันที่ชำระเงิน

- ทางร้านทำการจัดส่งสินค้าทุกวัน

- หากยังไม่ได้รับของภายใน วัน กรุณาติดต่อกลับทางร้านด่วน !!!

- การจัดส่งทางไปรษณีย์ EMS จะต้องชำระค่าจัดส่งเพิ่ม

** สินค้าขนาดเล็ก 40 บาท

**ขนาดใหญ่แบบบูชา ตามน้ำหนัก สอบถาม

- การจัดส่งส่งสินค้าต่างประเทศ ขึ้นอยู่กับน้ำหนัก และชนิดของการส่งสินค้า

หากโอนเงินแล้วสามารถโทรแจ้ง 062-6459366 หรือ 061-4962664


รายละเอียดร้านค้า
ศูนย์พระเครื่องบารมีพ่อแก่
 
(Baramee-pokae Thailand Amulets shop JJ Mall Chatuchak shopping mall)
ศูนย์การค้า JJ Mall จตุจักร ชั้น 2 ห้อง S184
สอบถามโทร 062-645-9366 หรือ 061-496-2664
Line ID: @baramee-pokae (มี@ นำหน้า)
Email : baramee-pokae@hotmail.com
เปิดบริการทุกวันตั้งแต่ 11.00-18.30 น.
วันเสาร์-อาทิตย์ 10.30-19.30 น.
Open everdays, since 11.00 am to 7.00 pm.
 
ศูนย์รวมวัตถุมงคลและเครื่องรางของขลัง พระเกจิ พระใหม่ พระแท้ จากทั่วประเทศบริการจัดส่งสินค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ รับประกันคุณภาพสินค้าและความพึ่งพอใจของลูกค้าเป็นอย่างดี
 
การส่งสินค้าแบบ Ems
สินค้าขนาดเล็กค่าส่ง 50 บาท
สินค้าขนาดใหญ่แล้วแต่น้ำหนัก
ส่งสินค้าไปต่างประเทศแล้วแต่น้ำหนักและชนิดการส่งกรุณาสอบถามทางร้าน

*** กรุณาสอบถามรายการและค่าบูชาก่อนสั่งสินค้าจากทางร้านและทางร้านต้องขออภัยในความไม่สะดวกแต่เพื่อความถูกต้องและไม่เสียเวลาของลูกค้า **

 
Welcome all of you to Baramee Pokae! We are proudly to say that we are the center of amulet and charm provider in Thailand. Established for over 12 years, we ensure that our expertise and familiarity in this field might interest you. Not only technical knowledge but also abundant testimonials we could share with you to better understand your requirements and needs. We offer 100% guarantee authentic with reasonable price. Well, enjoy viewing our website or send us your comments to us. Hope to seeing you at our shop or place your order as provided information below. Have a great tour!
JJ Shopping Center Mall, Chacuchak, floor 2 Room S184
 
Call +66 626459366 or +666 14962664
Line official ID : @baramee-pokae
Email : baramee-pokae@hotmail.com
 
Open daily from 11.00-19.00 hrs.
 
Quick delivery service by DHL, Express and registered Thailand Post (Depending on country or city) contact according to the date and time they hope to have found all of you at soon…

 

 
 
รีวิวร้าน
คะแนนเฉลี่ย :
 ยังไม่มีการรีวิว™
               
 
สินค้าอื่นๆของร้านนี้