แหวนรัตนาวุธ (เนื้อชนวนแผ่นยันต์ปฐพี), พระอาจารย์โอ พุทโธรักษา, พุทธสถานวิหารพระธรรมราช, จ.เพชรบูรณ์

แหวนรัตนาวุธ, พระอาจารย์โอ พุทโธรักษา, พุทธสถานวิหารพระธรรมราช, จ.เพชรบูรณ์

-โดยปรกติแล้ววัตถุมงคลประเภทแหวนส่วนใหญ่ จะถูกปลุกเสกและสร้างออกมาให้มีพุทธคุณไปในทางเดียว เช่น แหวนเสน่ห์เมตตา, แหวนคุ้มครองป้องกัน, แหวนมหาอำนาจบารมี เป็นต้น แต่น้อยนักที่แหวนวงหนึ่งจะมีคุณสมบัติรอบด้าน อีกทั้งยังหนุนดวงค้ำคูนเจ้าของ และยังกันชงกันคราสเหมือนแหวนรัตนาวุธวงนี้ 

จัดสร้างทั้งหมด 2 เนื้อด้วยกัน:

1.เนื้อรวมมิตรอิทธิฤทธิ์แหวนกายสิทธิ์

-วรรณะแหวนออกเงิน เพราะแก่เนื้อมวลสารพิเศษ อาทิเช่น เงินราง, ขวานฟ้า, ปรอทกายสิทธิ์และแหวนวิเศษต่างๆที่พระอาจารย์โอสร้างไว้ใช้เอง รวมไปถึงแหวนที่พระอาจารย์โอเก็บสะสมมาเป็นเวลานานอีกหลายวง บางวงมีมูลค่าเกินประมาณ บางวงก็มีคุณค่าทางจิตใจต่อพระอาจารย์โอเกินจะอธิบาย

-จารยันต์พิเศษรอบวง “เทพศาสตรา วุธทานัง สัพพะชีวิตตัง มรณังเทวะ” เป็นคาถารัตนาวุธที่พระอาจารย์ได้มาจากตำราลับในสมุดโน็ตเล่มเล็ก

-บูชา 3,600 บาท

มีทั้งหมด 6 ขนาดให้เลือกสวมใส่ดังนี้:

-ขนาด 48, 53, 56, 59, 61, 63

2.เนื้อชนวนแผ่นยันต์ปฐพีไหว

-วรรณะแหวนออกนาก เพราะแก่เนื้อชนวนมหายันต์ต่างๆจากวิชาการสร้างแหวนทั้งหมดที่พระอาจารย์โอเคยร่ำเรียนมา ซึ่งยากยิ่งกว่าจะทำได้ครบถ้วน และในขณะซัดเนื้อนี้ได้เกิดเสียงระเบิดก้องกัมปนาทไปทั่วบริเวณ แผ่นดินถึงกับสะเทือน

-บูชา 1,600 บาท

มีทั้งหมด 6 ขนาดให้เลือกสวมใส่ดังนี้:

-ขนาด 48, 52, 56, 59, 61, 63

ข้อควรระวัง: ในขณะที่สวมแหวนอยู่ ไม่ควรตีลูกหลาน ทำร้ายบุคคลผู้อื่น หรือทำร้ายสัตว์เด็ดขาด เพราะด้วยฤทธิ์ของแหวนจะทำให้เกิดการช้ำใน ปราณในตัวเกิดการเสียหาย ให้ใช้เป็นเครื่องเตือนสติในการระงับอารมณ์ได้เป็นอย่างดี





1.เนื้อรวมมิตรอิทธิฤทธิ์แหวนกายสิทธิ์

-วรรณะแหวนออกเงิน เพราะแก่เนื้อมวลสารพิเศษ อาทิเช่น เงินราง, ขวานฟ้า, ปรอทกายสิทธิ์และแหวนวิเศษต่างๆที่พระอาจารย์โอสร้างไว้ใช้เอง รวมไปถึงแหวนที่พระอาจารย์โอเก็บสะสมมาเป็นเวลานานอีกหลายวง บางวงมีมูลค่าเกินประมาณ บางวงก็มีคุณค่าทางจิตใจต่อพระอาจารย์โอเกินจะอธิบาย

-จารยันต์พิเศษรอบวง “เทพศาสตรา วุธทานัง สัพพะชีวิตตัง มรณังเทวะ” เป็นคาถารัตนาวุธที่พระอาจารย์ได้มาจากตำราลับในสมุดโน็ตเล่มเล็ก

-บูชา 3,600 บาท

มีทั้งหมด 6 ขนาดให้เลือกสวมใส่ดังนี้:

-ขนาด 48, 53, 56, 59, 61, 63



2.เนื้อชนวนแผ่นยันต์ปฐพีไหว

-วรรณะแหวนออกนาก เพราะแก่เนื้อชนวนมหายันต์ต่างๆจากวิชาการสร้างแหวนทั้งหมดที่พระอาจารย์โอเคยร่ำเรียนมา ซึ่งยากยิ่งกว่าจะทำได้ครบถ้วน และในขณะซัดเนื้อนี้ได้เกิดเสียงระเบิดก้องกัมปนาทไปทั่วบริเวณ แผ่นดินถึงกับสะเทือน

-บูชา 1,600 บาท

มีทั้งหมด 6 ขนาดให้เลือกสวมใส่ดังนี้:

-ขนาด 48, 52, 56, 59, 61, 63



แหวนรัตนาวุธ (เนื้อรวมมิตรอิทธิฤทธิ์แหวนกายสิทธิ์) มีจารยันต์พิเศษรอบวง “เทพศาสตรา วุธทานัง สัพพะชีวิตตัง มรณังเทวะ” เป็นคาถารัตนาวุธที่พระอาจารย์ได้มาจากตำราลับในสมุดโน็ตเล่มเล็ก



ข้อควรระวังสำหรับผู้สวมแหวนรัตนาวุธ

-ในขณะที่สวมแหวนอยู่ ไม่ควรตีลูกหลาน ทำร้ายบุคคลผู้อื่น หรือทำร้ายสัตว์เด็ดขาด เพราะด้วยฤทธิ์ของแหวนจะทำให้เกิดการช้ำใน ปราณในตัวเกิดการเสียหาย ให้ใช้เป็นเครื่องเตือนสติในการระงับอารมณ์ได้เป็นอย่างดี



โดยปรกติแล้ววัตถุมงคลประเภทแหวนส่วนใหญ่ จะถูกปลุกเสกและสร้างออกมาให้มีพุทธคุณไปในทางเดียว เช่น แหวนเสน่ห์เมตตา, แหวนคุ้มครองป้องกัน, แหวนมหาอำนาจบารมี เป็นต้น แต่น้อยนักที่แหวนวงหนึ่งจะมีคุณสมบัติรอบด้าน อีกทั้งยังหนุนดวงค้ำคูนเจ้าของ และยังกันชงกันคราสเหมือนแหวนรัตนาวุธวงนี้ 



เป็นที่รู้กันดีในหมู่ลูกศิษย์ลูกหาของพระอาจารย์โอว่า พระอาจารย์โอมีความชื่นชอบใน “แหวน” เป็นพิเศษ ท่านมักจะเก็บสะสมทั้งแหวนวิเศษต่างๆจากเกจิอาจารย์สมัยก่อนที่มีชื่อเสียง หรือแม้แต่แหวนธรรมดาที่มีศิลปะไม่ธรรมดาก็มีอยู่ไม่น้อย รวมไปถึง “แหวนในตำนาน” หลายๆวงที่มีเรื่องเล่าเป็นที่ร่ำลือกล่าวขานในหมู่จอมขมังเวทย์ พระอาจารย์โอก็ตามมาได้อยู่หลายวงเช่นกัน



ด้วยความที่พระอาจารย์โอชื่นชอบในศาสตร์และศิลป์ของแหวน จึงทำให้ท่านชอบศึกษาหาความรู้ในศาสตร์วิชาที่เกี่ยวข้องกับการสร้างและเสกวัตถุมงคลประเภทแหวนเป็นพิเศษไปด้วย ซึ่งพระอาจารย์โอก็ได้ร่ำเรียนวิชาการสร้างแหวนวิเศษจากหลายๆสำนัก จากตำราหลายๆเล่ม โดยแต่ละวิชาก็มีความวิจิตรพิสดารในแบบของตนต่างๆกันออกไป และจากการที่พระอาจารย์โอได้ขึ้นเหนือล่องใต้เพื่อสั่งสมวิชาในการสร้างแหวนจากพ่อแม่ครูบาอาจารย์หลายๆท่าน จึงทำให้ท่านได้รับสืบทอดแหวนวิเศษต่างๆจากอาจารย์ผู้สอนวิชาอีกด้วย



เมื่อพระอาจารย์โอได้พากเพียรฝึกฝนวิชาสร้างแหวนที่ได้ร่ำเรียนมาจากที่ต่างๆจนสำเร็จแล้ว ท่านก็ได้สร้างแหวนจากมวลสารต่างๆที่ท่านหามาเองให้ลูกศิษย์ใช้สวมนิ้วติดตัวไว้ใช้อยู่หลายๆรุ่น แหวนบางวงพระอาจารย์ก็สร้างขึ้นมาเพื่อใช้เป็นการส่วนตัว สำหรับประกอบพิธีอันเป็นมงคลต่างๆเป็นการเฉพาะ เช่น แหวนมหาลาภ ใช้จุลเจิมวัตถุมงคลประเภทโชคลาภเงินทอง, แหวนมหาเสน่ห์ ใช้จุลเจิมวัตถุมงคลประเภทเมตตามหานิยม, แหวนนิ้วเพชร ใช้ประสิทธ์ประสาทให้พรลูกศิษย์ แบบนี้เป็นต้น 



ในจำนวนแหวนวิเศษทั้งหมดนั้น มีอยู่วงหนึ่งที่พระอาจารย์โอชื่นชอบเป็นพิเศษคือ “แหวนมหากายสิทธิ์” ของ “กำนันตั้ง” ผู้ที่ได้รับการขนามนามว่าเป็น “จอมเวทย์แห่งแดนตะวันออก”กำนันตั้งเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงโด่งดังจนเป็นตำนานถึงทุกวันนี้ก็เนื่องจากว่าท่านบรรลุศาสตร์แห่งการสร้างแหวนที่เหนือยิ่งกว่าแหวนวงใดๆ ผู้คนต่างขนานนามแหวนวงนั้นว่า "แหวนมหากายสิทธิ์" เป็นแหวนที่ถูกจัดสร้างขึ้นตามตำราสายวิชาของพระโกนาคมพุทธเจ้าและพระกัสสปะพุทธเจ้า ผู้ที่ได้รับเลือกให้สวมใส่แหวนวงนี้จึงเสมือนว่าได้มือแก้วสารพัดนึกของพระโกนาคมพุทธเจ้า และมือลมมหาจินดาของพระกัสสปะพุทธเจ้า

กำนันตั้งนั้นเป็นปรมาจารย์ที่ขึ้นชื่อมากในสมัยก่อน คณาจารย์ยุคโบราณต่างรู้จักกิตติศัพท์ถึงความแก่กล้าในวิชาอาคมของท่านเป็นอย่างดี เพราะท่านเป็นหนึ่งในยอดคนที่สำเร็จวิชาแห่งการเล่นแร่แปรธาตุ จึงเป็นเสมือนผู้วิเศษที่เรืองด้วยอิทธิฤทธิ์และอำนาจวิเศษต่างๆเหนือคนธรรมดาสามัญทั่วไป กำนันตั้งท่านนี้เป็นน้องชายของทวดของพระอาจารย์โอ และนอกจากนี้ท่านยังเป็นอาจารย์ของหลวงปู่คง วัดวังสรรพรสอีกด้วย

นอกจากกำนันตั้งจะมีวิชาอาคมขลังติดตัวแล้ว ก็ยังมีของวิเศษติดตัวอยู่หลายๆอย่าง แต่มีของวิเศษอยู่เพียงชิ้นเดียวเท่านั้นที่กำนันตั้งจะพกติดตัวอยู่ตลอดเวลาไม่ให้ห่างกายเลย นั่นคือ “แหวนมหากายสิทธิ์” ที่ท่านสวมอยู่ที่นิ้วนั่นเอง จึงกล่าวได้ว่าศาสตร์วิชาแห่งการสร้างแหวนเป็นวิชาเอกสูงสุดของกำนันตั้งเลยทีเดียว เพราะท่านมั่นใจในความศักดิ์สิทธิ์ในแหวนของท่านมากพอถึงขนาดที่จะไม่พกของวิเศษอื่นใดติดกายเลยก็ยังได้



ทั้งนี้ทั้งนั้น ตลอดระยะเวลาตั้งแต่พระอาจารย์โอเริ่มมีความรู้สึกชื่นชอบในแหวน พระอาจารย์โอมีความคิดในใจเสมอว่า “แหวนวิเศษที่พิเศษกว่าแหวนวงใดๆในใต้หล้านั้นต้องมีอยู่อย่างแน่นอน และสักวันหนึ่งท่านต้องได้มีโอกาสพบเจอแหวนวงนั้นให้จงได้” ในที่สุดเมื่อประมาณปลายปี 2560 พระอาจารย์โอได้แหวนวงหนึ่งมาจากลูกหลานของจากบุคคลชั้นสูง ลักษณะภายนอกของแหวนวงนี้นั้น เป็นแหวนรูปทรงกลมมน เกลี้ยงเกลา สีทองสุกสว่างนวลตา ดูเรียบง่ายแต่ก็แฝงไว้ด้วยความไม่ธรรมดาซ่อนอยู่ภายใน ซึ่งในครั้งแรกที่พระอาจารย์โอได้เห็นแหวนวงนี้ด้วยตา สัมผัสแหวนวงนี้ด้วยมือ ก็เกิดความพิสมัยยินดีในอิทธิฤทธิ์ของแหวนวงนี้ขึ้นมาจับใจ ประหนึ่งว่าได้เจอของสำคัญที่เคยทำหล่นหายมานานแสนนาน และเมื่อพระอาจารย์โอได้ลองพิจารณาแหวนวงนี้อย่างถี่ถ้วนแล้ว ท่านก็ต้องแปลกใจอีกครั้งด้วยเหตุที่ว่า แหวนวิเศษต่างๆที่ท่านเคยพบเจอมา ยังไม่มีวงไหนเลยที่เทียบชั้นได้กับแหวนวงนี้ หรือแม้กระทั่งวิชาสร้างแหวนทั้งหลายที่ว่ากันว่าไม่เป็นสองรองใคร ก็ยังไม่มีวิชาไหนเลยที่สามารถสร้างแหวนที่มีความพิเศษวิจิตรได้เทียมเท่ากับแหวนวงนี้ พระอาจารย์โอจึงถามลูกหลานของบุคคลชั้นสูงผู้นั้นว่าแหวนวงนี้มีชื่อว่าอะไร คำตอบที่ได้กลับมาคือ “แหวนรัตนาวุธ”



เมื่อทราบคำตอบแล้ว พระอาจารย์โอจึงสอบถามเจ้าของแหวนต่อว่า “แหวนวงนี้เป็นของใคร มีที่มาที่ไปอย่างไร ทำไมถึงวิเศษถึงเพียงนี้” เจ้าของแหวนก็ได้บอกเล่าให้พระอาจารย์โอฟังว่า “ผมได้เจอแหวนวงนี้อยู่ในกระเป๋าเสื้อของบรรพบุรุษของผม พร้อมกับสมุดจดบันทึกเล่มเล็กๆอีกเล่มหนึ่ง ด้านในเขียนด้วยภาษาโบราณ คาดว่าน่าจะเป็นตำราอย่างหนึ่ง ไว้มีโอกาสผมจะนำสมุดเล่มนั้นมาให้พระอาจารย์ได้ชมครับ” เวลาผ่านไปไม่นาน เจ้าของแหวนก็ได้นำสมุดจดบันทึกเล่มนั้นมาให้พระอาจารย์โอดู เมื่อพระอาจารย์โอเปิดสมุดออกมาตรวจสอบดูข้อความที่ซ่อนอยู่ภายในก็พบว่า สมุดจดบันทึกเล่มน้อยเล่มนั้นแท้จริงแล้วคือสุดยอดตำราที่กล่าวถึงวิธีการสร้าง “แหวนรัตนาวุธ” นั่นเอง



มวลสารส่วนหนึ่งสำหรับการสร้างแหวนรัตนาวุธ

-พระอาจารย์โอและลูกศิษย์ที่ได้ครอบครูไปได้ช่วยกันจารอักขระเลขยันต์ต่างตามตำรามากกว่า 440 ยันต์ นอกจากนี้ยังจารพระคาถาบทสวดพระปริตร, 12ตำนานและมหาสมัย ยังไม่นับรวมกับยันต์พิเศษต่างๆที่มากมายอีกนับไม่ถ้วน

-ชนวนมีดพระเจ้าปราบโลก ซึ่งเป็นชนวนมวลสารที่พระอาจารย์โอเก็บสะสมของวิเศษมาทั้งชีวิต เพื่อเตรียมไว้สำหรับการสร้างมีดพระเจ้าปราบโลกในอนาคต ชนวนชุดนี้พระอาจารย์โอไม่เคยนำมาสร้างวัตถุมงคลรุ่นใดเลย มีแต่จะหามาใส่เพิ่มเข้าไปมากกว่า แต่สำหรับแหวนรัตนาวุธ พระอาจารย์โอได้แบ่งชนวนออกมาถึงครึ่งหนึ่งจากจำนวนทั้งหมดมาผสมทำแหวนเลยทีเดียว

-แหวนวิเศษต่างๆที่พระอาจารย์โอสร้างไว้ใช้เอง รวมไปถึงแหวนวิเศษต่างๆที่พระอาจารย์โอเก็บสะสมมาเป็นเวลานานอีกหลายวง บางวงมีมูลค่าเกินประมาณ บางวงก็มีคุณค่าทางจิตใจต่อพระอาจารย์โอเกินจะอธิบาย

-มหายันต์ต่างๆที่เป็นยันต์บังคับในการสร้างแหวนรัตนาวุธ 37 ยันต์ โดยแต่ละยันต์ต้องทำการลบถมถึง 9 ครั้ง นั่นหมายความว่ามียันต์บังคับถึง 333 แผ่นเลยทีเดียว

-มหายันต์ต่างๆจากวิชาการสร้างแหวนทั้งหมดที่พระอาจารย์โอเคยร่ำเรียนมา ซึ่งยากยิ่งกว่าจะทำได้ครบถ้วน



การซัดเนื้อ

-เป็นหนึ่งในหนึ่งในขั้นตอนกระบวนสำคัญในการสร้างวัตถุมงคลมาแต่โบราณ ซึ่งการสร้างวัตถุมงคลจำพวกโลหะสำริดนั้นจะต้องทำการหลอมโลหะมวลสารชนวนต่างๆให้ละลายเสียก่อน แล้วค่อยๆเทลงน้ำ จึงจะได้เม็ดโลหะเล็กๆสำหรับใช้สร้างวัตถุมงคลต่อไป กรรมวิธีนี้มีชื่อว่า “การซัดเนื้อ”

สำหรับการสร้าง “แหวนรัตนาวุธ” ในครั้งนี้ พระอาจารย์โอต้องทำการซัดเนื้อเองทุกขั้นตอนเพราะท่านให้เหตุผลว่า “โดยปกติช่างในโรงหลอมทั่วๆไปอาจจะมองข้ามเรื่องนี้ไป ช่างส่วนใหญ่จะนำโลหะมวลสารทั้งหมดใส่เตาหลอมพร้อมกันเลย ซึ่งจะทำให้เนื้อโลหะมวลสารต่างๆมันไม่กล่อมกัน ในบางครั้งหากโลหะชนวนมวลสารตัวไหนที่ต้องใช้ความร้อนสูงในการหลอมละลายหรือละลายยาก ช่างหลอมก็อาจจะเผลอตักออกจากเบ้า เพื่อให้งานเสร็จง่ายและไวขึ้น เป็นเหตุทำให้ความเข้มข้นของชนวนมวลสารพร่องลงดังนี้เป็นต้น ยังดีที่ฉันรู้จักช่างที่รู้ใจและพอจะไว้ใจให้นำมวลสารไปหล่อแหวนได้ แต่ถึงกระนั้นฉันก็ขอซัดเนื้อให้ก่อนดีกว่า พวกช่างจะได้ทำงานกันง่ายขึ้นด้วย เพราะมวลสารบางอย่างก็ไม่ใช่ว่าจะยอมละลายง่ายๆหากไม่เอาพระเวทย์คุมไว้”

เป็นที่รู้กันดีว่าการเตรียมโลหะชนวนมวลสารของพระอาจารย์โอสำหรับการสร้างวัตถุมงคลรุ่นต่างๆ ท่านจะพิถีพิถันมากและกำชับช่างหลอมทุกขั้นตอนจนถึงขนาดช่างหลอมบางคนที่ไม่เข้าใจถึงกับเบื่อหน่ายลาออกจากงานไปเลยก็มี แต่ด้วยความตั้งใจที่พระอาจารย์โอต้องการจะสร้างวัตถุมงคลที่ดีที่สุดให้คนนำไปใช้กราบไหว้บูชา จึงไม่อาจทำให้พระอาจารย์โอสามารถลดหย่อนผ่อนปลนในเรื่องสำคัญเช่นนี้ได้ ท่านเน้นความถูกต้องเป็นพื้นฐานในการสร้างวัตถุมงคลเสมอ ด้วยเหตุนี้ท้ายที่สุดจึงเหลือช่างหลอมเพียงชุดเดียวที่พระอาจารย์โอไว้วางใจที่จะใช้งานอยู่ เพราะไม่ว่าโลหะชนวนมวลสารนั้นจะคงทนต่อความร้อนสักเพียงใด ต้านทานต่อเปลวไฟได้แค่ไหน ช่างหลอมชุดนี้ก็ไม่ย่อท้อต่อความยากลำบากในการหลอมชนวนมวลสารเหล่านั้นให้กลายเป็นวัตถุมงคลสุดวิเศษเสมอ

การซัดเนื้อนี้ไม่ใช่ว่าทำครั้งเดียวก็จะได้สมดังใจ เพราะยิ่งโลหะชนวนมวลสารยิ่งมากเท่าไหร่ การซัดเนื้อให้กล่อมกันก็ยิ่งทำได้ยากเท่านั้น บางครั้งพระอาจารย์โอต้องทำการซัดเนื้อเป็นเดือนเลยทีเดียวกว่าจะได้มวลสารที่กล่อมกันได้ที่ เป็นการทำให้ ”โลหะสดุ้งไฟ” ซึ่งการซัดเนื้อนี้นอกจากจะทำให้โลหะชนวนมวลสารนานาๆชนิดเข้ากันได้แล้ว ยังเป็นการชำระล้างมลทินโทษต่างๆออกจากโลหะเหล่านั้นด้วย เพราะหลังจากที่โลหะชนวนมวลสารต่างๆถูกความร้อนจากเปลวไฟเผาจนละลายเป็นของเหลวแล้ว มลทินหรือธาตุที่ไม่บริสุทธ์บางส่วนจะถูกชำระออกไป และเมื่อโลหะหลอมเหลวนั้นถูกเทลงน้ำที่แช่ด้วยแผ่นยันต์พุทธมนต์ต่างๆซึ่งมีความเย็นจัด จะเกิดปฏิกริยากระชากอุณหภูมิอย่างแรง มลทินต่างๆรวมถึงอาถรรพ์ที่มองไม่เห็นที่เหลือจะถูกน้ำชำระออกไปอีกครั้งจากเนื้อมวลสาร เรียกว่าการซัดเนื้อต้องทำธาตุ4ให้ครบถ้วนดังนี้ คือ 

ดิน = ตัวยาที่ถูกซัดใส่เข้าไปในเบ้าหลอมเพื่อจับสิ่งสกปรกต่างๆ

น้ำ = น้ำที่แช่ด้วยแผ่นยันต์พุทธมนต์ต่างๆ

ลม = ลมที่ถูกพัดใส่เตาหลอมเพื่อเร่งความแรงของไฟ

ไฟ = เปลวไฟที่หลอมโลหะชนวนต่างๆให้ละลายกลายเป็นของเหลว 

ซึ่งนอกจากการซัดเนื้อของพระอาจารย์โอต้องทำให้ครบธาตุ4แล้ว การซัดเนื้อเพื่อสร้างสุดยอดแหวนในครั้งนี้ยังบังเกิดเรื่องมหัศจรรย์ขึ้นอย่างไม่คาดฝัน คือในระหว่างที่พระอาจารย์โอกำลังเทโลหะลงน้ำอยู่นั้น ได้เกิดเสียงระเบิดก้องกัมปนาทดังไปทั่ววัด แผ่นดินสั่นสะเทือนไปโดยรอบบริเวณ ประดุจว่าฟ้าดินรับรู้ถึงการสร้างสุดยอดแหวนในครั้งนี้นั่นเอง ซึ่งเหตุการณ์อัศจรรย์ในครั้งนี้ได้ทำให้เกิด “ธาตุที่5” เรียกว่าวิญญาณธาตุที่จะบังเกิดขึ้นเฉพาะกับของกายสิทธิ์เท่านั้น จึงมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “ธาตุรู้” คือสิ่งๆนั้นเสมือนมีจิตรับรู้ได้ คือมีรูปักขันโธ เวทะนาขันโธ สัญญาขันโธ สังขาระขันโธ และวิญญาณะขันโธ





พระอาจารย์โอขออนุญาติบอกกล่าวคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ครูบาอาจารย์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ถึงเจตนาและประโยชน์แห่งการสร้างแหวนวิเศษนามว่าแหวนรัตนาวุธในครั้งนี้ ก่อนที่จะได้ทำการนำแผ่นยันต์รวมถึงชนวนมวลสารศักดิ์สิทธิ์ต่างๆมาหลอมในเตาที่มีเปลวไฟลุกโชน



ภาพแบบนี้ ลูกศิษย์ที่วัดจะเห็นกันตลอด เวลาที่พระอาจารย์โอท่านเตรียมมวลสารสำหรับการสร้างวัตถุมงคล ในภาพพระอาจารย์โอกำลังตรวจสอบดูคีมตัวเก่งของท่านว่าพร้อมใช้งานหรือไม่ คีมนี้จะถูกใช้หยิบจับชนวนโลหะมวลสารต่างๆลงเตาหลอมนั่นเอง



เตาถูกจุดขึ้นให้ระอุลุกโชน เพื่อการสร้างแหวนวิเศษ



พระอาจารย์โอเตรียมสถานที่สำหรับ “การซัดเนื้อ” เพื่อเตรียมมวลสารไว้สร้าง แหวนวิเศษที่ยอดเยี่ยมที่สุด นามว่า "แหวนรัตนาวุธ"





















พระอาจารย์โอทำการม้วนแผ่นยันต์ให้มีขนาดเล็กลง จะได้มีขนาดพอดีสำหรับใส่ลงเบ้าในเตาหลอม และเมื่อแผ่นยันต์ทั้งหมดละลายหลอมรวมกัน คุณวิเศษของยันต์เหล่านั้นก็ได้ถูกหลอมรวมเป็นหนึ่งเช่นกัน



แผ่นยันต์บางส่วนที่ “หลอมไม่ละลาย” ก็มี เป็นเรื่องปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้ในขั้นตอนของการซัดเนื้อ เพราะมวลสารเหล่านั้นต่างมีพลังเหนือธรรมชาติสถิตอยู่ เรื่องเหนือธรรมชาติเช่นนี้จึงมีเหตุให้เกิดขึ้นได้

- - - - - - - - - -

”ถังแก๊ส” ถือเป็นของสำคัญไม่น้อยไปกว่า มวลสารเลยในขั้นตอนของการซัดเนื้อ เพราะหากแก๊สหมด ก็หมายความส่าไม่สามารถหลอมมวลสารที่เป็นโลหะให้ละลายได้

ในภาพ พระอาจารย์โอเปลี่ยนถังแก๊สหลังจากใช้หลอมชนวนมวลสารต่างๆจนแก๊สหมด ซึ่งกว่าจะได้มวลสารที่กล่อมกันลงตัวจริงๆ ต้องใช้ถังแก๊สหลายถังเลยทีเดียว

- - - - - - - - - -

ชนวนโลหะมวลสารศักดิ์สิทธิ์ต่างๆที่พระอาจารย์โอเก็บสะสมไว้จากการสร้างวัตถุมงคลชุดก่อนๆ ก็ได้ถูกนำมาเป็นมวบสารสำหรับการสร้าง "แหวนรัตนาวุธ" ในครั้งนี้ เสมือนเป็นการต่อเชื้อความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ต่อไปไม่ให้สูญ แหวนรัตนาวุธจึงจะเป็นยอดแหวนสำหรับยอดคนได้

เพราะทุกอณูละอองย่อมมีค่าเกินกว่าจะทิ้งขว้างให้เสียไปได้ พระอาจารย์โอจึงต้องใช้มวลสารที่มีอย่างคุ้มค่าที่สุด ผงมวลสารเหล่านี้แม้จะเล็กเพียงใด แต่ก็เปี่ยมไปด้วยคุณวิเศษ และหยาดเหงื่อของพระอาจารย์ รวมไปถึงคุณครูบาอาจารย์ผู้สอนวิชาให้แก่พระอาจารย์โอ


 









พระอาจารย์โอทำการหลอมโลหะธาตุศักดิ์สิทธิ์ต่างๆในเตา ก่อนเทลงถังน้ำ เพื่อทำให้มวลสารกล่อมกัน สำหรับการสร้าง "แหวนรัตนาวุธ" เป็นขั้นตอนที่ต้องอาศัยความชำนาญและความวิริยะอดทนจริงๆ











พอโลหะเย็นตัวลงด้วยอุณหภูมิของน้ำ จึงเทน้ำออกเพื่อจะได้นำชนวนมวลสารก้นถังที่ต้องการออกมาดู














พระอาจารย์โอทำการตรวจสอบดูเนื้อมวลสารว่าสำเร็จพร้อมใช้หรือไม่ หากยังไม่กลมกล่อนกันดี ก็ต้องทำการซัดเนื้อใหม่ จนกว่าจะได้มวลสารที่อร่อยที่สุดอย่างที่พระอาจารย์โอท่านใฝ่หาเพื่อไปทำแหวนสุดยอดวิเศษ



- - - - - - - - - -

กล่องปริศนาที่ซ่อนของวิเศษไว้มากมายภายใน มีทั้งแหวนที่อยู่ในชุดสะสมของพระอาจารย์โอ, แผ่นยันต์ต่างๆ, ของหายากในสายเล่นแร่แปรธาตุ และวัตถุอาถรรพ์สำหรับการสร้างแหวนรัตนาวุธโดยเฉพาะ

- - - - - - - - - -

ทั้งหมดนี่คือชนวนมวลสารสำหรับการสร้าง "แหวนรัตนาวุธ" มองแล้วละลานตาไปหมดทุกอย่าง เพราะพิเศษทุกชิ้น ของบางอย่างไม่ได้อีกแล้ว แหวนบางวงพระอาจารย์โอก็รักมาก ชนวนบางชนิดก็มีประวัติความเป็นมาอันน่าพิศวง

เรียกได้ว่าพระอาจารย์ “ทุ่มหมดหน้าตัก” สำหรับการสร้างสุดยอดแหวนวิเศษที่ทุกคนสามารถมีไว้ประดับบนนิ้วมือ เชื่อเลยว่าโลกแห่งจอมเวทย์ต้องกล่าวขานถึงการสร้างแหวนครั้งนี้เลยจริงๆ



- - - - - - - - - -

พระอาจารย์โอเริ่มนำชนวนมวลสารทั้งหมดใส่ลงในเบ้าก่อนเข้าเตาหลอม เหตุการณ์นี้ทำให้ลูกศิษย์ในเหตุการณ์ต่างรู้สึกใจหายไปตามๆกัน เพราะลูกศิษย์ใกล้ชิดต่างรู้ซึ้งถึงคุณค่าของแต่ละชิ้นดี 
พระอาจารย์โอบอกว่า “หลอมให้หมดนี่แหละดี เข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ดี คนเอาไปจะได้ใ่ช้ดี”



- - - - - - - - - -

พระอาจารย์โอแต่งเตาก่อนหลอมมวลสารเนื้อเข้มข้นเศษสำหรับการสร้าง "แหวนรัตนาวุธ" ทุกขั้นตอนตั้งแต่ เริ่มต้น ท่ามกล่าง และท้ายสุด ต้องทำการถูกต้องกระบวนการ เพื่อให้ได้มาซึ่งแหวนที่โลกต้องจดจำ



- - - - - - - - - -

 

พระอาจารย์โอสับถ่านเตรียมไว้ใช้เติมเชื้อไฟขณะกำลังหลอมมวลสารทั้งหมดให้กล่อมกัน ซึ่งถ่านชั้นดีเท่านั้นถึงควรค่าเหมาะแก่การนำมาใช้ จะเห็นได้ว่าแต่ละขั้นตอนพระอาจารย์ล้วนให้ความสำคัญทั้งสิ้น เพราะเมื่อขึ้นชื่อว่า ”ของวิเศษ” นั้นต้องย่อมเกิดขึ้นโดย “กรรมวิธีพิเศษ” เช่นกัน



- - - - - - - - - -

เมื่อชนวนมวลสารพร้อม ถ่านพร้อม อุปกรณ์พร้อม ก็ถึงเวลาหลอมของรักของหวงของพระอาจารย์ให้เปลี่ยนสภาพไปจากเดิม เพื่อจะได้ไปจุติใหม่เป็นสุดยอดแหวนแห่งปฐพี
ถ้าของในเบ้าพูดได้ ก็คงจะพร้อมใจกันพูดเป็นเสียงเดียวว่า “ฉันยอมตาย เพื่อสิ่งนี้”



- - - - - - - - - -

แม้ความร้อนที่สามารถทำให้เหล็กกล้าละลายได้ ก็ไม่สามารถหยุดยั้งความตั้งใจของพระอาจารย์โอที่จะสร้างสุดยอดแหวนวิเศษลงได้

ในขั้นตอนการหลอมมวลสาร พระอาจารย์โอต้องคอยควบคุมสังเกตุดูอย่างใกล้ชิด เพราะจังหวะลม จังหวะไฟ เป็นเรื่องสำคัญ ชนวนมวลสารที่สำเร็จออกมาจะได้กลมกล่อมสวยงาม
หลายๆคนที่สงสัยว่าทำไมจีวรของพระอาจารย์โอ ถึงมีรูมีรอยแหว่งอยู่ ก็คงได้คำตอบแล้ว ว่าเกิดจากเปลวไปสะเก็ดเพลิงเหล่านี้นี่เอง



- - - - - - - - - -

เมื่อชนวนโลหะมวลสารศักดิ์สิทธิ์ต่างๆถูกหลอมละลายเข้ากันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พระอาจารย์โอจึงเทมวลสารทั้งหมดลงถัง เป็นเทคนิคการซัดโลหะให้กลายเป็นเม็ดเล็กๆ เพื่อใช้หล่อหลอมสร้างเป็นวัตถุมงคลต่อไป



- - - - - - - - - -

เทน้ำออก เพื่อดูชนวนมวลสารที่ตกอยู่ก้นถัง ดูจากภาพว่ายากแล้ว แต่ในสถานการณ์จริงแล้วนั้นยากลำบากยิ่งกว่า เพราะถังน้ำมีความหนักมาก จึงต้องอาศัยพละกำลังและจังหวะที่พอเหมาะพอดี

พระอาจารย์ท่านลงมือทำเองโดยไม่ให้ลูกศิษย์ช่วย เพราะท่านอยากจะเห็นมวลสารที่ท่านภาคภูมิใจ เผยโฉมผ่านสายตาท่านเป็นคนแรก



- - - - - - - - - -

พระอาจารย์โอกำลังชื่นชมกับชนวนมวลสารโลหะศักดิ์สิทธิ์ ชนิดเข้มข้น ที่ผ่านการซัดด้วยกำลังและหยาดเหงื่อของตัวท่านเอง ซึ่งผลออกมาก็เป็นที่น่าพอใจเป็นอย่างยิ่ง มวลสารทั้งหมดเข้ากันดี กล่อมกันอร่อย สมกับเป็นมวลสารแห่งการสร้าง "แหวนรัตนาวุธ" อันเกรียงไกรสำหรับผู้ไกลกังวล

- - - - - - - - - -

แหวนรัตนาวุธ ถูกสร้างขึ้นในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2561 ซึ่งถือว่าวันนี้เป็นฤกษ์อุดมมงคลยิ่ง เป็นฤกษ์ที่พลิกเรื่องร้ายให้กลายเป็นดี คนไม่ดีจะได้รับโทษทัณฑ์ คนดีจะได้รับความยุติธรรม เป็น “ฤกษ์ชี้ขาด” คือคนเอาไปใส่จะได้ “ชี้อะไรก็ได้อย่างนั้น”

ซึ่งแหวนทุกวงที่ผ่านพิธีหลอมในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2561 แล้ว จะถูกขัดแต่งด้วยมือทีละวงอย่างปราณีตที่สุด และไม่ว่าแหวนวงไหนจะมีตำหนิหรือไม่สมบูรณ์ก็ตาม ก็จะถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี เพราะถือว่าแหวนนี้เป็นของวิเศษที่ได้อุบัติขึ้นบนโลกแล้ว

- - - - - - - - - -

 



 



 



 





อานิสงส์แห่งพระปริตร12ตำนาน

-สำหรับแหวนรัตนาวุธรุ่นนี้ พระอาจารย์โอได้นิมนต์พระสงฆ์9รูปทำการเจริญบทสวดพระมหาสมัยสูตร, พระธรรมจักรกัปปวัตนสูตรและพระปริตร12ตำนานเป็นพิเศษติดต่อกันเป็นเวลา 9 วันติดต่อกันอีกด้วย ซึ่งบทสวดพระปริตร12ตำนานนี้มีพุทธคุณเปี่ยมล้นไปด้วยบารมี และอานิสงส์ของพระคาถามากมายถึง 12 ประการ มีเสน่ห์ ค้าขายดี ธุรกิจรุ่งเรือง ป้องกันภัยจาก มนุษย์ สัตว์ร้ายและภูตผีปีศาจ ป้องกันอัคคีภัย ฝันดี ต่ออายุเสริมสุขภาพ คลอดบุตรง่าย เพราะ“พระปริตร” แปลว่า “เครื่องคุ้มครอง” เป็นที่นิยมสาธยายในหมู่ชาวพุทธตั้งแต่สมัยพุทธกาลจวบจนถึงปัจจุบัน เพื่อความมีสิริมงคลและเพิ่มพูนภาวนาบารมี

โบราณจารย์ได้รวบรวมอานิสงส์ของพระปริตร12ตำนานไว้โดยะลเอียดถึง 12 ประการคือ

๑. เมตตปริตร ทำให้หลับเป็นสุข ตื่นเป็นสุข ไม่ฝันร้าย เป็นที่รักของมนุษย์และอมนุษย์ทั้งหลาย เทพพิทักษ์รักษา ไม่มีภยันตราย จิตเป็นสมาธิง่าย ใบหน้าผ่องใส มีสิริมงคล

ไม่หลงสติในเวลาเสียชีวิต และเป็นพรหมเมื่อบรรลุเมตตาฌาน

๒. ขันธปริตร ป้องกันภัยจากอสรพิษ และสัตว์ร้ายอื่นๆ

๓. โมรปริตร ป้องกันภัยจากผู้คิดร้าย

๔. อาฏานาฏิยปริตร ป้องกันภัยจากอมนุษย์ ทำให้มีสุขภาพดี และมีความสุข

๕. โพชฌังคปริตร ทำให้มีสุขภาพดี มีอายุยืน และพ้นจากอุปสรรคทั้งปวง

๖. ชัยปริตร ทำให้ประสบชัยชนะ และมีความสุขสวัสดี

๗. รัตนปริตร ทำให้ได้รับความสวัสดี และพ้นจากอุปสรรคอันตราย

๘. วัฏฏกปริตร ทำให้พ้นจากอัคคีภัย

๙. มังคลปริตร ทำให้เกิดสิริมงคล และปราศจากอันตราย

๑๐. ธชัคคปริตร ทำให้พ้นจากอุปสรรคอันตราย การตกจากที่สูง

๑๑. อังคุลิมาลปริตร ทำให้คลอดบุตรง่าย และป้องกันอุปสรรคอันตราย

๑๒. อภยปริตร ทำให้พ้นจากภัยพิบัติ และไม่ฝันร้าย

- - - - - - - - - -

ปลุกเสกเพิ่มใน “ฤกษ์พญาวัน” วันอาทิตย์ที่ 15 เมษายน พ.ศ.2561 เป็นฤกษ์ที่เป็นพญาเหนือกว่าทุกฤกษ์ เกิดขึ้นในวันที่อยู่เหนือกว่าทุกวัน จึงถือเป็นฤกษ์ที่วิเศษที่สุดในรอบหนึ่งปี 

- - - - - - - - - -

พระอาจารย์โอทำการปลุกเสก "แหวนรัตนาวุธ" อีกครั้งเป็นขั้นตอนสุดท้ายก่อนจะนำออกให้ผู้ที่สนใจได้เช่าบูชากัน แหวนรัตนาวุธรุ่นนี้พิเศษมาก เพราะพระอาจารย์ได้นำ ”ชนวนมีดพระเจ้าปราบโลก” ซึ่งเป็นชนวนมวลสารที่พระอาจารย์โอเก็บสะสมของวิเศษมาทั้งชีวิต เพื่อเตรียมไว้สำหรับการสร้างมีดพระเจ้าปราบโลกในอนาคต ชนวนชุดนี้พระอาจารย์โอไม่เคยนำมาสร้างวัตถุมงคลรุ่นใดเลย มีแต่จะหามาใส่เพิ่มเข้าไปมากกว่า แต่สำหรับแหวนรัตนาวุธ พระอาจารย์โอได้แบ่งชนวนออกมาถึงครึ่งหนึ่งจากจำนวนทั้งหมดมาผสมทำแหวนเลยทีเดียว